ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ต่างต้องการคว้าตัวแนวรุกจาก เบรนท์ฟอร์ด อย่าง บรีย็อง เอ็มเบวโม่ ในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากเจ้าตัวซัดไปถึง 20 ประตูในลีกสูงสุดจากการลงสนาม 38 นัดเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
ตามรายงานล่าสุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังเชื่อมั่นเต็มที่ว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายได้ลายเซ็นของ เอ็มเบวโม่ แม้ว่า สเปอร์ส จะพยายามแทรกแซงด้วยข้อเสนอที่ดึงดูดใจ โดยเฉพาะหลังจากแต่งตั้ง โธมัส แฟรงค์ เป็นกุนซือคนใหม่
แฟรงค์ เคยเป็นผู้จัดการทีมที่ร่วมงานกับ เอ็มเบวโม่ ยาวนานถึง 6 ปีที่ เบรนท์ฟอร์ด และทาง สเปอร์ส ยังสามารถมอบโอกาสลงเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ให้กับนักเตะวัย 25 ปี หลังจากคว้าตั๋วได้สำเร็จจากการเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 และคว้าแชมป์ ยูโรปาลีก
จากรายงานของ Mirror Football ระบุว่า สเปอร์ส ได้ยื่นข้อเสนอจำนวน 70 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัว เอ็มเบวโม่ ซึ่งแบ่งเป็น 65 ล้านปอนด์แบบจ่ายทันที และอีก 5 ล้านปอนด์ในรูปแบบโบนัสตามเงื่อนไข อย่างไรก็ตาม Manchester Evening News ระบุว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่ง
มีการเปิดเผยว่า เอ็มเบวโม่ ยังเลือกที่จะย้ายไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากกว่า แม้ว่าเจ้าตัวจะยอมรับว่า แฟรงค์ มีบทบาทสำคัญต่อเส้นทางอาชีพของเขา ระหว่างที่เขาเดินทางไปร่วมชมการแข่งขัน แคนาเดียน กรังด์ปรีซ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เมื่อถูกถามถึงอนาคตของตัวเอง เอ็มเบวโม่ ให้สัมภาษณ์กับ Sky Sports ว่า “สำหรับผม ข่าวพวกนี้มันค่อนข้างใหม่!”
“มันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนักฟุตบอลที่ต้องเรียนรู้และยอมรับ ผมคิดว่านี่คือฤดูกาลที่ดีที่สุดของผมในพรีเมียร์ลีก และถ้ามองในภาพรวม เราเล่นกันได้ดีจริง ๆ หลายแมตช์ เราอาจโชคไม่ดีที่พลาดโควตายุโรป แต่ก็ถือเป็นปีที่สุดยอด”
เอ็มเบวโม่ กล่าวเสริมถึงอดีตกุนซือของเขาว่า “เขา (แฟรงค์) ทำเพื่อผมมามาก เขาให้ความเชื่อมั่นตั้งแต่เริ่มต้น ผมว่ามันมีผลมากกับพัฒนาการของผม”
“เขาไม่ได้แค่พัฒนาผมในฐานะนักเตะ แต่ยังช่วยหล่อหลอมผมในฐานะคนคนหนึ่งด้วย ผมขออวยพรให้เขาประสบความสำเร็จ และผมมั่นใจว่าเขาจะทำได้ดี”
“เขารู้เรื่องทุกอย่าง เขาฉลาดมาก รู้ว่าจะพาทีมไปทางไหนและอยากเล่นแบบใด ผมคิดว่าเขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมากกับ เบรนท์ฟอร์ด”
“แน่นอนว่าเขาจะต้องใช้เวลาในการปรับตัว โดยเฉพาะในศึก แชมเปียนส์ลีก ที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่ผมมั่นใจว่าเขาจะทำได้ดี”
“เขารู้ว่าจะสื่อสารกับนักเตะยังไง เขารู้วิธีสร้างทีมเวิร์ก และนั่นคือเหตุผลที่เราทำผลงานได้ดีเสมอ”
“ตำแหน่งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย เขาทำหน้าที่หัวหน้าโค้ชมาเจ็ดปี ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ย่อมมีผลแน่ แต่ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะเป็นยังไง”