แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์กับ Puma ในการต่อสัญญาชุดแข่งฉบับใหม่ ซึ่งอาจมีมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 49,000 ล้านบาท) ทำให้ดีลนี้กลายเป็นข้อตกลงชุดแข่งที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก
ข้อตกลงใหม่นี้มีระยะเวลาอย่างน้อยอีก 10 ปี โดยคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 100 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาล ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัญญาฉบับเดิมที่รับอยู่ 65 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาล และยังแซงหน้าดีลล่าสุดของคู่แข่งร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งเซ็นสัญญากับ Adidas มูลค่า 900 ล้านปอนด์อีกด้วย
การเดิมพันมูลค่า 1 พันล้านปอนด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดมองว่า นี่คือการเดิมพันของ Puma กับ “ทศวรรษแห่งการเติบโต” ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และสะท้อนถึงกลยุทธ์ของแบรนด์ที่ต้องการจะทุ่มให้กับ “บิ๊กเนมหนึ่งหรือสองราย” ในโลกฟุตบอล ซึ่งแตกต่างจากกลยุทธ์ของ Nike หรือ Adidas ที่มักจะแข่งขันกันในหลายๆ สโมสร
ที่น่าสนใจคือ มูลค่ามหาศาลของดีลนี้ดูจะสวนทางกับยอดขายเสื้อของสโมสร ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดยังคงตามหลังคู่แข่งอย่าง เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค, บาร์เซโลน่า, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมอื่นๆ ในพรีเมียร์ลีก
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าตัวเลขนี้ “สมเหตุสมผล” สำหรับ Puma “สโมสรอย่างซิตี้จะยังคงลงทุนกับการเซ็นสัญญากับผู้เล่นชื่อดังต่อไป และนั่นหมายถึงสตาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกจะสวมเสื้อ Puma ไปอีกทศวรรษ” มาร์ค ทอมป์สัน ผู้บริหารของ EngageRM กล่าว “Puma กำลังผูกตัวเองเข้ากับการเติบโตนั้น… และเมื่อรวมกับชุดฝึกซ้อม, การโฆษณา และทรัพย์สินอื่นๆ ที่สโมสรจะมอบให้ Puma ตัวเลขนี้ก็สมเหตุสมผลอย่างไม่น่าเชื่อ”
ดีลประวัติศาสตร์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังเผชิญกับความท้าทายทั้งผลงานในสนามที่น่าผิดหวังในฤดูกาลที่แล้ว และการรอคอยผลการตัดสินข้อหาละเมิดกฎการเงินกว่า 130 กระทง ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นที่ Puma มีต่อศักยภาพของสโมสรในระยะยาว