ศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในคืนวันพุธที่ 21 พฤษภาคมนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการตัดสินแชมป์และโควต้าสุดท้ายสู่ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยเดิมพันทางการเงินมหาศาลที่อาจทำให้ผู้ชนะ “ยิ้มไม่สุด” เมื่อมีรายงานว่าทั้งสองสโมสรกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะสูญเสียรายได้กว่า 20 ล้านปอนด์ (ประมาณ 900 ล้านบาท) แม้จะคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก ได้สำเร็จก็ตาม สาเหตุหลักมาจากผลงานอันย่ำแย่ในศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
ทั้ง “ปีศาจแดง” และ “ไก่เดือยทอง” ต่างก็มีโอกาสกอบกู้ฤดูกาลที่น่าผิดหวังด้วยการคว้าถ้วยยุโรปใบนี้ ซึ่งจะการันตีเงินรางวัล 10.95 ล้านปอนด์ และโบนัสจากการเข้าร่วมแชมเปียนส์ลีกอีก 15.7 ล้านปอนด์ (แม้จะแพ้ทุกนัดในรอบแบ่งกลุ่มก็ตาม) อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินจำนวนนี้อาจถูกกลืนหายไปจากรายได้ที่ลดลงอย่างฮวบฮาบจาก “Merit Payments” หรือเงินรางวัลตามอันดับในพรีเมียร์ลีก
BREAKING:
Manchester United can hit a £100M jackpot by beating Tottenham in the Europa League final – and then kiss it goodbye.
That’s estimated to be worth at least £100M but United are on course to lose the same amount this financial year after it emerged the club will… pic.twitter.com/D7sS6WrsTi
— UtdXclusive (@UtdXclusive) May 20, 2025
ปัจจุบัน ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ รั้งอันดับ 17 ของตาราง ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่อันดับ 16 โดยเหลือการแข่งขันในลีกอีกทีมละหนึ่งนัด หากเปรียบเทียบกับฤดูกาลที่แล้ว สเปอร์สซึ่งจบอันดับ 5 ได้รับเงิน Merit Payments ถึง 45.1 ล้านปอนด์ ส่วน น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ที่จบอันดับ 17 ได้รับเพียง 11.3 ล้านปอนด์ ส่วนต่างตรงนี้สูงถึง 33.8 ล้านปอนด์ และโดยทั่วไปแล้ว แต่ละอันดับในพรีเมียร์ลีกจะมีมูลค่าประมาณ 3 ล้านปอนด์ นั่นหมายความว่าหากสเปอร์สจบฤดูกาลในอันดับที่ 17 พวกเขาอาจมีรายได้จากส่วนนี้ลดลงกว่า 30 ล้านปอนด์เมื่อเทียบกับปีก่อน
เช่นเดียวกันกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จบอันดับ 8 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ได้รับเงิน Merit Payments 36.7 ล้านปอนด์ ขณะที่ เบรนท์ฟอร์ด ซึ่งจบอันดับ 16 ได้รับ 14 ล้านปอนด์ ส่วนต่างอยู่ที่ 23.6 ล้านปอนด์ เกมลีกนัดสุดท้ายของสเปอร์สคือการเปิดบ้านพบ ไบรท์ตัน ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด จะเปิดโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ แอสตัน วิลล่า
นอกเหนือจากรายได้ที่ลดลงแล้ว การคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก และการได้ไปแชมเปียนส์ ลีก ยังหมายถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากโบนัสและค่าเหนื่อยนักเตะที่สูงขึ้นอีกด้วย “เทเลกราฟ สปอร์ต” เคยเปิดเผยว่า อังเก้ ปอสเตโคกลู กุนซือสเปอร์ส จะได้รับโบนัสราว 2 ล้านปอนด์ หากพาทีมคว้าแชมป์ยุโรปครั้งแรกในรอบ 41 ปีได้สำเร็จ และไม่ว่าจะแพ้หรือชนะในนัดชิง ปอสเตโคกลู ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับเงินก้อนโตจาก แดเนียล เลวี่ ประธานสโมสร ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบโบนัสก้อนงาม หรือค่าชดเชยหากต้องอำลาทีม (หรืออาจจะได้รับทั้งสองอย่างหากคว้าแชมป์แล้วย้ายออก)
ด้าน รูเบน อโมริม เฮดโค้ช แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คาดว่าจะได้รับโบนัสเช่นกันหากพาทีมเอาชนะสเปอร์สได้ แม้จะยังไม่ชัดเจนเรื่องจำนวนเงิน นอกจากนี้ นักเตะสเปอร์สยังมีโบนัสรวมกว่า 3 ล้านปอนด์รออยู่หากคว้าแชมป์ได้ ซึ่งมากกว่าโบนัสรวมประมาณ 1 ล้านปอนด์ที่นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด จะได้รับจากการคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก เนื่องจากแรงจูงใจทางการเงินหลักของ “ปีศาจแดง” ผูกอยู่กับการได้เข้าร่วมแชมเปียนส์ ลีก ซึ่งจะทำให้นักเตะได้รับค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นรวมกันกว่า 30 ล้านปอนด์
สำหรับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ หากพวกเขาพลาดแชมป์ยูโรปา ลีก และไม่ได้ไปแชมเปียนส์ ลีก อาจจำเป็นต้องขายนักเตะเพื่อระดมทุนในช่วงซัมเมอร์นี้ จากรายงานบัญชีล่าสุด สโมสรมีหนี้สินสุทธิจากการซื้อขายนักเตะ (เงินที่ค้างจ่ายลบด้วยเงินที่ยังไม่ได้รับ) สูงถึง 279.3 ล้านปอนด์ แดเนียล เลวี่ เคยกล่าวไว้ว่า “เราไม่สามารถใช้จ่ายในสิ่งที่เราไม่มี และเราจะไม่ประนีประนอมกับเสถียรภาพทางการเงินของสโมสรแห่งนี้”
นัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ที่บิลเบา จึงไม่ได้เป็นเพียงการแย่งชิงถ้วยแชมป์และศักดิ์ศรี แต่ยังเป็นการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดทางการเงินและอนาคตของทั้งสองสโมสรอย่างแท้จริง