7msport

“เอ็นโซ มาเรสกา” ถูกแบนคุมข้างสนาม 1 นัด หลังดีใจเกินเหตุเกมชนะ “ลิเวอร์พูล”

ผู้จัดการทีมของหนึ่งในคู่แข่งล่าสุดของ “ลิเวอร์พูล” ถูกลงโทษแบนห้ามคุมทีมข้างสนาม หลังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในเกมพรีเมียร์ลีกก่อนพักเบรกทีมชาติ

เอ็นโซ มาเรสกา ผู้จัดการทีม เชลซี ถูกลงโทษห้ามคุมทีมข้างสนามหนึ่งนัด พร้อมปรับเงิน 8,000 ปอนด์ หลังเจ้าตัวแสดงอาการดีใจเกินเหตุในเกมที่ “สิงโตน้ำเงินคราม” เอาชนะ ลิเวอร์พูล ไป 2-1 ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์

ในเกมดังกล่าว ทีมของ อาร์เน สลอต ต้องพบกับความพ่ายแพ้เป็นนัดที่สามติดต่อกันรวมทุกรายการ เดิมที หงส์แดง มีโอกาสเก็บแต้มกลับออกมาเมื่อ โคดี คักโป ยิงตีเสมอจากจังหวะที่ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ชิ่งบอลอย่างยอดเยี่ยม หลังจาก มอยเซส ไกเซโด ยิงให้เจ้าถิ่นขึ้นนำในครึ่งแรก

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์สุดดราม่าเกิดขึ้นในนาทีที่ 96 เมื่อดาวรุ่งอย่าง เอสเตวาโอ วิลเลียน พุ่งเข้าซ้ำที่เสาไกล ส่งบอลเข้าประตูเป็นลูกชัยชนะให้ เชลซี ทำให้แฟนบอลในสนามและนักเตะต่างระเบิดความดีใจ ขณะที่ มาเรสกา วิ่งดีใจตลอดแนวข้างสนามในสไตล์ของ โชเซ มูรินโญ

แต่พฤติกรรมดังกล่าวทำให้เขาได้รับใบเหลืองที่สอง เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ตัดสินได้เตือนเรื่องการประท้วงไปแล้ว ส่งผลให้ถูกไล่ออกจากสนามทันที และในเวลาต่อมา สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันบทลงโทษอย่างเป็นทางการ


แถลงการณ์ของ FA ระบุว่า

เอ็นโซ มาเรสกา ถูกลงโทษแบนคุมทีมหนึ่งนัด และปรับเงิน 8,000 ปอนด์ จากความผิดในเกมพรีเมียร์ลีกระหว่าง เชลซี กับ ลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจากแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม และใช้ถ้อยคำไม่สุภาพต่อเจ้าหน้าที่การแข่งขัน ซึ่งเป็นเหตุให้ถูกไล่ออกในนาทีที่ 96 โดยเจ้าตัวได้ยอมรับข้อกล่าวหาและรับโทษตามมาตรฐาน”


ด้วยเหตุนี้ เขาจะหมดสิทธิ์ยืนคุมทีมข้างสนามในเกมที่ เชลซี บุกเยือน นอตทิงแฮม ฟอเรสต์ สุดสัปดาห์นี้ ขณะที่ อาร์เน สลอต ได้แต่มองเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยความผิดหวัง

ผลการแข่งขันนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล หลุดจากตำแหน่งจ่าฝูงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 โดยก่อนหน้านี้ทีมของสลอตก็แพ้ คริสตัล พาเลซ และ กาลาตาซาราย ติดต่อกันเช่นกัน

หลังจบเกม กุนซือชาวดัตช์กล่าวว่า

“มันเป็นความพ่ายแพ้อีกครั้งที่น่าผิดหวัง เกมนี้มีความคล้ายกับนัดแพ้ พาเลซ แต่รูปแบบการเล่นต่างกัน เราสร้างโอกาสได้มากกว่าหนึ่งประตูทั้งในครึ่งหลังของเกมที่แล้วและเกมนี้ แต่โชคร้ายที่จังหวะสุดท้ายไม่เฉียบพอ”

“ในช่วงท้ายเกม ทั้งสองทีมต่างเปิดเกมแลกกันเต็มที่ เราเองมีโอกาสหลายครั้งที่จะชนะ แต่สุดท้าย เชลซี เป็นฝ่ายทำได้”


หลังพักเบรกทีมชาติ ลิเวอร์พูล จะต้องกลับมาสู้ต่อในศึกพรีเมียร์ลีก โดยเปิดบ้านที่ แอนฟิลด์ ต้อนรับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งอาจเป็นแมตช์ชี้ชะตาสำคัญของฤดูกาลนี้