สงครามระหว่าง เรอัล มาดริด กับฝ่ายผู้ตัดสินของสเปนกำลังจะยกระดับขึ้นสู่เวทีโลก หลังจากที่ Real Madrid TV ช่องทีวีอย่างเป็นทางการของสโมสร ได้ประกาศกร้าวว่าพวกเขากำลังเตรียมรวบรวมเอกสารสำคัญเพื่อยื่นต่อ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ให้เข้ามาตรวจสอบ “สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในวงการฟุตบอลสเปนเกี่ยวกับเรื่องการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน”
การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นหลังจากเกมลาลีกาที่ “ราชันชุดขาว” บุกไปเฉือนชนะ เรอัล โซเซียดาด 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งในเกมดังกล่าวมีจังหวะปัญหาที่ ดีน ฮุยเซน ปราการหลังดาวรุ่งของมาดริดถูกใบแดงไล่ออกจากสนามโดยตรงตั้งแต่นาทีที่ 32 ซึ่ง ชาบี อลอนโซ่ กุนซือของทีมมองว่าเป็นการตัดสินที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ
แถลงการณ์ผ่านช่องของสโมสรระบุว่า “เรอัล มาดริด กำลังเตรียมรายงานที่รวบรวมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 4 นัดแรกของลาลีกาฤดูกาลนี้ และสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เอกสารฉบับนี้จะถูกส่งไปยังฟีฟ่า เพื่อให้พวกเขาได้รับทราบอย่างชัดเจนถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในวงการฟุตบอลสเปนเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ เรอัล มาดริด แสดงความไม่พอใจต่อการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินอย่างเปิดเผย โดย ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร เป็นหนึ่งในผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้มาอย่างยาวนาน และมองว่าทีมของเขามักจะเสียผลประโยชน์จากการตัดสินที่ค้านสายตาอยู่เสมอ
แม้ว่าในฤดูกาลนี้ เรอัล มาดริด จะเก็บชัยชนะได้ 4 นัดรวด แต่ก็เต็มไปด้วยจังหวะปัญหาแทบทุกเกม ไล่ตั้งแต่ลูกจุดโทษของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ในเกมชนะโอซาซูน่า 1-0, การถูก VAR ริบประตูคืนถึง 3 ครั้งในเกมเฉือนชนะ เรอัล มายอร์ก้า 2-1 ไปจนถึงใบแดงล่าสุดของฮุยเซน
ความขัดแย้งนี้เคยปะทุขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยสโมสรเคยยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการต่อสหพันธ์ฟุตบอลสเปน (RFEF) มาแล้ว ขณะที่ช่อง Real Madrid TV ก็มักจะนำเสนอวิดีโอรวบรวมข้อผิดพลาดของผู้ตัดสินที่จะลงทำหน้าที่ในเกมสำคัญของทีมอยู่เป็นประจำ จนเคยเกิดเหตุการณ์ที่ ริคาร์โด้ เด บูร์โกส เบงโกเอตเช่ ผู้ตัดสินในนัดชิงชนะเลิศ โกปา เดล เรย์ ถึงกับหลั่งน้ำตาในงานแถลงข่าวก่อนเกม เนื่องจากผลกระทบจากการวิจารณ์ที่เข้มข้น
การตัดสินใจนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของ FIFA ถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งครั้งสำคัญ และแสดงให้เห็นว่า เรอัล มาดริด ไม่พร้อมที่จะประนีประนอมกับปัญหาที่พวกเขามองว่าส่งผลกระทบต่อสโมสรมาอย่างต่อเนื่องอีกต่อไป คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าองค์กรลูกหนังโลกจะมีท่าทีต่อเรื่องนี้อย่างไร และจะส่งผลกระทบต่อวงการฟุตบอลสเปนในระยะยาวมากน้อยเพียงใด