7msport

เจาะลึกเบื้องหลังฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ “ราสมุส ฮอยลุนด์” ต้องจำใจลาแมนฯ ยูไนเต็ด

การกลับมาเยือนเมืองแมนเชสเตอร์อีกครั้งของ ราสมุส ฮอยลุนด์ ในฐานะนักเตะนาโปลี เพื่อลงทำศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในสัปดาห์นี้ ถือเป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความย้อนแย้งและน่าเจ็บปวดสำหรับแฟนบอล “ปีศาจแดง” หลายคน เพราะนี่คือนักเตะที่ประกาศกร้าวเมื่อช่วงปรีซีซั่นว่าจะขออยู่สู้ต่อ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” แต่สุดท้ายกลับต้องเก็บกระเป๋าออกจากโอลด์ แทรฟฟอร์ด ไปอย่างไม่เต็มใจ

เบื้องลึกเบื้องหลังการย้ายทีมครั้งนี้ซับซ้อนกว่าที่เห็น และจุดแตกหักที่แท้จริงเกิดขึ้นหลังเกมคาราบาว คัพ ที่น่าอัปยศ ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พ่ายจุดโทษต่อ กริมสบี้ ทาวน์ ทีมจากลีกทู

ฟางเส้นสุดท้ายหลังเกมพ่ายกริมสบี้

แหล่งข่าววงในที่ไม่ประสงค์ออกนามได้เปิดเผยกับ The Athletic ว่า หลังจบเกมดังกล่าว ได้มีการประชุมกันระหว่าง ฮอยลุนด์ และผู้บริหารระดับสูงของสโมสร ซึ่งในที่ประชุมนั้นเองที่ดาวยิงวัย 22 ปี ได้รับการแจ้งอย่างตรงไปตรงมาว่าเขา “ไม่มีอนาคตในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดอีกต่อไป”

ก่อนหน้านี้ แม้สโมสรจะแนะนำให้เขามองหาทางเลือกอื่น แต่ฮอยลุนด์ยังคงเชื่อมั่นในตัวเองว่าจะสามารถต่อสู้เพื่อแย่งตำแหน่งกับ เบนจามิน เซสโก้ กองหน้าคนใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาได้ แต่การถูกตัดชื่อออกจากทีม 3 นัดติดต่อกัน รวมถึงการตกรอบบอลถ้วยที่ทำให้โปรแกรมการแข่งขันน้อยลงไปอีก เป็นเหมือนการตอกย้ำว่าเวลาของเขาในโรงละครแห่งความฝันได้สิ้นสุดลงแล้ว

เมื่อได้รับข้อความที่ชัดเจนและหนักแน่นเช่นนั้น ฮอยลุนด์จึงจำใจต้องยอมรับความจริงและมองหาความท้าทายใหม่ ซึ่งข้อเสนอจากแชมป์เซเรีย อา อย่าง นาโปลี ก็เข้ามาอย่างพอดิบพอดี

นักเตะที่จากไปพร้อมความรักของเพื่อนร่วมทีม

การย้ายทีมครั้งนี้ถือเป็นการย้ายแบบยืมตัวพ่วงออปชั่นซื้อขาดมูลค่า 44 ล้านยูโร ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันทีหากนาโปลีผ่านเข้าไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้า และเขาก็ไม่ต้องใช้เวลานานในการพิสูจน์ตัวเอง ด้วยการยิงประตูได้ตั้งแต่ 14 นาทีแรกในเกมเดบิวต์กับฟิออเรนติน่า

น้อยครั้งที่ผู้เล่นจะย้ายออกจากยูไนเต็ดไปพร้อมกับความรู้สึกดีๆ จากคนรอบข้างได้มากเท่าฮอยลุนด์ เขาเป็นที่รักของเพื่อนร่วมทีม เป็นแฟนบอลของสโมสรมาตั้งแต่เด็ก และแสดงความต้องการที่จะอยู่ต่อสู้เพื่อทีมมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ในยุคใหม่ของ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ และทีมงานบริหาร ความรู้สึกส่วนตัวอาจไม่ใช่ปัจจัยหลักในการตัดสินใจอีกต่อไป

ผลงาน 26 ประตูจาก 95 นัด ตลอด 2 ฤดูกาล อาจไม่เพียงพอที่จะการันตีตำแหน่งตัวจริงในทีมที่กำลังต้องการความเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีช่วงเวลาที่ปืนฝืดนานถึง 21 เกมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ประกอบกับการต้องแบกรับความกดดันจากค่าตัวมหาศาล และการเล่นทั้งๆ ที่มีอาการบาดเจ็บที่เท้าในช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้วเนื่องจากทีมไม่มีตัวเลือกอื่น

บทสรุปเรื่องราวของ ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด กลายเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าขบคิดถึงสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความกดดันของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคปัจจุบัน ที่นักเตะดาวรุ่งค่าตัวแพงต้องแบกรับความรับผิดชอบอันหนักอึ้งทันทีที่ย้ายเข้ามา และเมื่อผลงานไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ทางออกก็อาจมาถึงเร็วกว่าที่ใครหลายคนคิด