อาร์เซน่อล ภายใต้การคุมทีมของ มิเกล อาร์เตต้า กำลังจะสร้างสถิติการใช้จ่ายทะลุ 900 ล้านปอนด์ หากสามารถปิดดีลคว้า เอเบเรชี่ เอเซ่ จาก คริสตัล พาเลซ ได้สำเร็จ
หากการย้ายทีมเกิดขึ้นจริง จะทำให้ยอดใช้จ่ายในช่วงซัมเมอร์นี้ของ อาร์เซน่อล พุ่งแตะ 250 ล้านปอนด์
มิเกล อาร์เตต้า เข้ามารับตำแหน่งกุนซือของ อาร์เซน่อล ตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2019 และปัจจุบันเป็นกุนซือที่คุมทีมยาวนานที่สุดเป็นอันดับสองในพรีเมียร์ลีก รวมถึงอันดับสามของ 4 ลีกสูงสุดในอังกฤษ
“ไอ้ปืนใหญ่” จบในอันดับรองแชมป์ตลอด 3 ฤดูกาลหลังสุด
พวกเขายังสามารถทะลุเข้ารอบ 8 ทีมและรอบตัดเชือกศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ตลอดสองฤดูกาลที่ผ่านมา
อาร์เซน่อล ใช้เงินเท่าไหร่ในซีซั่นล่าสุด?
ตัวเลขรวมของซัมเมอร์นี้อาจขยับไปถึง 270 ล้านปอนด์ หากเงื่อนไขเสริมและโบนัสต่าง ๆ รวมถึงกรณีดีลของ เอเซ่ ถูกกระตุ้นครบถ้วน
ในแต่ละซีซั่นเต็ม ๆ ของยุค อาร์เตต้า ตลอด 5 ฤดูกาลก่อนหน้านี้ อาร์เซน่อล ใช้เงินเกิน 80 ล้านปอนด์ทุกครั้ง ตัวอย่างเช่น ฤดูกาล 2021-22 ใช้ไป 143 ล้านปอนด์, ฤดูกาล 2022-23 ทุ่มถึง 159 ล้านปอนด์ และเมื่อสองปีก่อนเคยจ่ายรวมกว่า 199.3 ล้านปอนด์
มีการเปิดเผยว่า ตั้งแต่ซีซั่น 2020-21 เป็นต้นมา อาร์เซน่อล คือสโมสรที่มีการใช้จ่ายสูงสุดเป็นอันดับ 4 ของพรีเมียร์ลีก โดยตามหลังเพียง เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ทำไม อาร์เซน่อล ถึงใช้เงินอย่างดุดัน?
สโมสรยังมีงบเหลือสำหรับเสริมทัพ จึงเดินหน้าอย่างหนักในตลาดนักเตะรอบนี้
ตอนนี้พวกเขาคว้านักเตะใหม่แล้ว 6 ราย คิดเป็นมูลค่ารวมราว 190 ล้านปอนด์ และกำลังใกล้บรรลุข้อตกลงกับ เอเซ่ ที่คาดว่ามีมูลค่าราว 60 ล้านปอนด์
รายได้ของสโมสรในเชิงพาณิชย์แข็งแกร่ง บวกกับการได้ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก อย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่ติดปัญหาเรื่องกฎควบคุมกำไรและความยั่งยืน (PSR) ของพรีเมียร์ลีก แม้ข้อบังคับจาก ยูฟ่า ในแง่ควบคุมต้นทุนทีมอาจเข้มงวดกว่า แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณปัญหาใหญ่
เดิมทีสโมสรต้องการขายนักเตะบางส่วนก่อนปิดดีลใหม่ แต่การบาดเจ็บของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ทำให้แผนนี้เปลี่ยนไป
นักเตะที่ถูกมองว่าอาจปล่อยออกได้เพื่อระดมทุน เช่น ฟาบิโอ วิเอร่า, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, รีสส์ เนลสัน, ยาโคบ คีวีออร์ และ อัลเบิร์ต ซามบี โลคองก้า ซึ่งทั้งหมดไม่ได้มีชื่อในเกมเปิดสนามฤดูกาลนี้
รายได้จากการขายนักเตะของ อาร์เซน่อล เป็นอย่างไร?
ปัญหาสำคัญคือยอดขายนักเตะของพวกเขาไม่สูง โดยสถิติการขายที่แพงที่สุดยังคงเป็นการปล่อย อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ไป ลิเวอร์พูล ในราคา 35 ล้านปอนด์เมื่อปี 2017
ในรอบ 5 ฤดูกาลล่าสุดและฤดูกาลปัจจุบัน มีเพียงสองครั้งที่รายรับจากการขายนักเตะทะลุ 50 ล้านปอนด์ ส่วนอีกสี่ฤดูกาลที่เหลือปิดยอดต่ำกว่า 30 ล้านปอนด์ทั้งหมด
แม้จะมีรายรับจากการขายนักเตะไม่มาก แต่สโมสรก็ทำเงินได้จากผลงานในพรีเมียร์ลีกและ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก อย่างต่อเนื่อง
รายได้รวมของ อาร์เซน่อล เพิ่มขึ้นเกือบ 150 ล้านปอนด์จากฤดูกาล 2022-23 สู่ 2023-24 เนื่องจากรายได้จากวันแข่งขัน, การถ่ายทอดสด และสัญญาทางการค้าสูงขึ้นอย่างมาก
เฉพาะรายได้จากการถ่ายทอดสดก็เพิ่มขึ้นกว่า 70 ล้านปอนด์ หลังจากที่ทีมเปลี่ยนจากการเล่นใน ยูโรปาลีก รอบ 16 ทีม มาเป็นการทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย แชมเปียนส์ลีก ในช่วงเวลาดังกล่าว
กำไรและขาดทุนของสโมสรในช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างไร?
ตลอด 3 รอบบัญชีล่าสุดในปี 2021-22, 2022-23 และ 2023-24 สโมสรขาดทุนไป 45.5 ล้านปอนด์, 52.1 ล้านปอนด์ และ 17.7 ล้านปอนด์ตามลำดับ
รวมแล้วเท่ากับขาดทุน 115.3 ล้านปอนด์ในรอบ 3 ปี
ตัวเลขนี้สูงกว่าขีดจำกัดที่กฎ PSR ของพรีเมียร์ลีกอนุญาต ซึ่งคือ 105 ล้านปอนด์ในรอบ 3 ปี
อาร์เซน่อล มีโอกาสโดนลงโทษจาก PSR ไหม?
แม้ว่าตัวเลขขาดทุนจะเกินไป 10.3 ล้านปอนด์ แต่ในความเป็นจริงพวกเขายังไม่เสี่ยงโดนลงโทษ เพราะสโมสรสามารถยื่นขอลดตัวเลขขาดทุนจากค่าใช้จ่ายที่ถือเป็นประโยชน์ต่อวงการ เช่น การลงทุนด้านสนาม, กิจกรรมชุมชน, ฟุตบอลหญิง, พัฒนานักเตะเยาวชน และค่าเสื่อมราคาในทรัพย์สินถาวร
นอกจากนี้ อาร์เซน่อล ยังเตรียมเล่นใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เป็นฤดูกาลที่สามติดต่อกัน ซึ่งช่วยการันตีรายได้สูงในรอบบัญชี 2024-25 ต่อจากปีที่เพิ่งทะลุถึงรอบตัดเชือก
ในซีซั่น 2024-25 พวกเขายังมีการใช้จ่ายสุทธิในตลาดนักเตะเพียงแค่ 10 ล้านปอนด์ หลังขาย เอมิล สมิธ โรว์, อารอน แรมส์เดล และ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์
ยิ่งไปกว่านั้น การขาย สมิธ โรว์ และ เอ็นเคเทียห์ ถือเป็นกำไรเต็มจำนวน เพราะเป็นนักเตะที่มาจากอะคาเดมี่ ทำให้สโมสรยิ่งแข็งแรงในมุมมองด้านการเงินและกฎ PSR