ในช่วงหลัง ฮูโก เอคีติค ถูกปรับลงมานั่งสำรองภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่ สล็อท หลังจากที่ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ย้ายมาด้วยค่าตัว 125 ล้านปอนด์และถูกวางให้เป็นหัวหอกตัวจริงของ ลิเวอร์พูล
อดีตนักเตะ เกล็น จอห์นสัน มองว่าการที่ เอคีติค ต้องหลุดตัวจริงเกิดจาก “แรงกดดันทางการเมือง” ภายในทีม โดย เอคีติค ย้ายมาจาก ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ด้วยค่าตัว 79 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์
นักเตะวัย 23 ปี เริ่มต้นได้อย่างร้อนแรงที่ แอนฟิลด์ เขาทำประตูในเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ กับ คริสตัล พาเลซ และยิงอีกสองลูกในเกมพรีเมียร์ลีกกับ บอร์นมัธ และ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ทำให้สามเกมแรกของเขาใน ลิเวอร์พูล ทำไปแล้วสามประตู
อย่างไรก็ตาม หลังจากการมาของ อเล็กซานเดอร์ อีซัค ซึ่งถูกวางให้เป็นหัวหอกตัวเป้า เอคีติค ต้องถูกดร็อปเป็นตัวสำรอง แม้ช่วงแรกของฤดูกาลในเดือนกันยายนเขายังได้ลงเป็นตัวจริงต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เวลาลงสนามถูกจำกัดอย่างชัดเจน เช่น เกมแพ้ เชลซี 2-1 เขาได้เล่นเพียง 16 นาที และเกมแพ้ เอฟเวอร์ตัน 2-1 เขาได้ลงสนาม 28 นาที
จอห์นสัน ชี้ว่า การเซ็นสัญญามูลค่ามหาศาลของ อีซัค ทำให้ทีมต้องให้เขาเป็นตัวจริงเพื่อพิสูจน์ความคุ้มค่า
“ผมคิดว่า อีซัค กับ เอคีติค สามารถเล่นร่วมกันได้ แต่ อีซัค ต้องเป็นตัวจริงเพราะค่าตัวที่จ่ายไป ส่วน เอคีติค ผมมองว่าเขาควรลงเล่นทุกเกม แต่สถานการณ์ตอนนี้ยังทำไม่ได้เพราะธุรกิจการซื้อขาย”
ถึงแม้ เอคีติค จะสามารถเล่นได้ทั้งปีกซ้ายและขวา แต่ โคดี้ กัคโป ทำผลงานได้โดดเด่นในฤดูกาลนี้ ส่วน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แม้ฟอร์มไม่สม่ำเสมอ สล็อท อาจไม่อยากถอดเขาออกเพราะประสบการณ์และความสามารถเฉพาะตัว
แฟนบอลกำลังรอประกาศ 11 ตัวจริงสำหรับเกม แชมเปียนส์ลีก กับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต วันพุธนี้ โดย เอคีติค พร้อมเต็มที่ที่จะเผชิญทีมเก่า ขณะเดียวกัน อีซัค ก็ต้องการสร้างฟอร์มหลังทำประตูได้เพียงลูกเดียวใน คาราบาว คัพ กับ เซาแธมป์ตัน
สล็อท ต้องการยุติสถิติแพ้ 4 นัดติด หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ประสบความพ่ายแพ้หลายเกม เช่น แพ้ คริสตัล พาเลซ, แพ้ กาลาตาซาราย ใน แชมเปียนส์ลีก, และแพ้ เชลซี ก่อนช่วงพักเบรกทีมชาติ