คิดว่าอะไรอยู่ในใจของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ในค่ำคืนวันจันทร์นี้ เมื่อ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ต้องเปิดรัง เซนต์เจมส์พาร์ก ต้อนรับ ลิเวอร์พูล ในเกมปิดท้ายสัปดาห์ที่สองของ พรีเมียร์ลีก ซึ่งไม่ต้องมีการโปรโมตให้ยิ่งใหญ่ เพราะนี่คือเกมที่ทุกคนรอคอยอยู่แล้ว
สาลิกาดง พลาดการใช้งานกองหน้าตัวเก่งชาวสวีเดนไปในเกมนัดก่อนที่เสมอกับ แอสตัน วิลลา แบบไร้สกอร์ ขณะที่ หงส์แดง มีฮีโร่คนใหม่ช่วยสร้างชัยชนะเหนือ บอร์นมัธ 4-2
วิเคราะห์ก่อนเกม
มหากาพย์การย้ายทีมที่ยังไม่จบลงกลายเป็นฉากหลังของเกมมันเดย์ไนท์ที่น่าตื่นตาตื่นใจครั้งนี้ ซึ่งดูเหมือนจะเกิดขึ้นถูกจังหวะที่สุด เพราะ อเล็กซานเดอร์ อิซัค กำลังพยายามทุกทางเพื่อบังคับให้ต้นสังกัดปล่อยตัวไปยังทีมแชมป์เก่า
แข้งทีมชาติสวีเดนรายนี้เพิ่งเปิดศึกวาทะกับต้นสังกัด โดยเขากล่าวหา นิวคาสเซิล ว่าผิดสัญญาและยืนยันว่าความสัมพันธ์นี้เดินหน้าต่อไม่ได้ ขณะที่ฝั่งสโมสรยืนยันว่าไม่เคยมีข้อตกลงใดที่จะปล่อยเขาในซัมเมอร์นี้
ระหว่างที่ต้องตอบคำถามซ้ำไปซ้ำมาในห้องแถลงข่าว เอ็ดดี ฮาว ก็กำลังหาทางแก้เกมรุกที่ไร้ อิซัค แต่แนวรุกของ สาลิกาดง ก็ไม่สามารถผลิตสกอร์ได้เลยในเกมกับ วิลลา แม้คู่แข่งจะเหลือ 10 คนหลัง เอซรี คอนซา ถูกไล่ออก
ต่อเนื่องจากปลายซีซันก่อน ตอนนี้ นิวคาสเซิล ยิงประตูไม่ได้มา 3 นัดติดในลีก และถ้าเกมนี้ยิงไม่ได้อีกจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020 ที่พวกเขายิงไม่ได้ 4 นัดรวดใน พรีเมียร์ลีก
อย่างไรก็ตาม ทีมชุดดำขาวยังมีสถิติในบ้านที่ดี โดยหากชนะเกมนี้จะเป็นการเก็บชัยเกมเหย้านัดแรกของซีซันได้ 4 ปีติดต่อกันภายใต้การคุมทีมของ ฮาว ซึ่งก่อนหน้านี้พาทีมชนะ 6 จาก 7 เกมหลังสุดที่ เซนต์เจมส์พาร์ก
ไม่มี อิซัค แต่ไม่ใช่ปัญหาของ ลิเวอร์พูล ในเกมเปิดสนามที่พวกเขาเฉือนชนะ บอร์นมัธ แบบสุดมัน แม้แนวรับจะมีช่องโหว่แต่ลูกทีมของ อาร์เน่ สลอต ก็ยิงประตูถล่มทลายจนปิดเกมได้
ฮูโก้ เอคิทิเก้ ทำประตูและแอสซิสต์ตั้งแต่เกมแรก ก่อนที่ อ็องตวน เซเมนโย จะกดสองประตู หลังจากมีข่าวว่าเขาโดนเหยียดผิวจากแฟนบอล ขณะที่ เฟเดริโก้ เคียซ่า ยิงวอลเลย์สุดมัน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็กดประตูเปิดฤดูกาลตามธรรมเนียม
เกมที่ แอนฟิลด์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ลิเวอร์พูล โชว์พลังเกมรุกจนหยุดสถิติไม่ชนะในลีก 4 นัดติด พร้อมล้างแผลจากการแพ้ คริสตัล พาเลซ ในคอมมูนิตีชีลด์
อย่างไรก็ตาม รวมถึงเกมพ่าย พาเลซ นั้นด้วย หงส์แดง เก็บคลีนชีตได้เพียงครั้งเดียวจาก 10 เกมหลังในทุกรายการ (ซึ่งมาจากเกมพบ เลสเตอร์ ซิตี้) แต่พวกเขามีโอกาสทำสถิติยิงประตูติดต่อกันยาวที่สุดเท่าที่เคยทำมาในลีกสูงสุด หากยิงได้ในเกมนี้จะเทียบเท่าสถิติเดิม 36 นัดที่เคยทำไว้ช่วงปี 2019-2020
แม้ว่า นิวคาสเซิล จะชนะในนัดชิง คาราบาว คัพ เมื่อฤดูกาลก่อน แต่ในลีกพวกเขาไม่เคยชนะ ลิเวอร์พูล เลยจากการพบกัน 17 นัดหลังสุด
ความพร้อมของทีม
ตามคาดการณ์ ยังไม่มีการปรับความสัมพันธ์ระหว่าง อิซัค กับต้นสังกัด และแข้งมูลค่า 150 ล้านปอนด์ยังคงถูกตัดออกจากทีมเพราะต้องการย้ายไป แอนฟิลด์
สำหรับฝั่งเจ้าบ้าน อาจได้ โจ วิลล็อก คืนสนามหลังหายเจ็บน่องที่เกิดตั้งแต่ปรีซีซัน และไม่มีปัญหาผู้เล่นหลักรายอื่น
การเปิดตัวของ จาค็อบ แรมซีย์ ที่เพิ่งย้ายมาจาก แอสตัน วิลลา อาจต้องรอ เพราะ ฮาว น่าจะให้โอกาส แอนโธนี อีลังกา, แอนโธนี กอร์ดอน และ ฮาร์วีย์ บาร์นส์ ล่าตาข่ายก่อน
ทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล จะไม่มี เจเรมี ฟริมปง ถึงช่วงเบรกทีมชาติจากอาการเจ็บกล้ามเนื้อ ขณะที่ คอเนอร์ แบรดลีย์ เพิ่งกลับมาซ้อม และความฟิตของ โจ โกเมซ ยังต้องประเมิน
สลอต เผยว่าอาจใช้ โดมินิก โซบอสไล ลงเล่นเป็นแบ็กขวาในเกมนี้ เนื่องจาก ไรอัน กราเวนเบิร์ช พ้นโทษแบนกลับมาแล้ว
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่เพิ่งยิงประตูในเกมแรกของฤดูกาล ตั้งเป้าทำสถิติสุดโหดต่อไป โดยเขายิงไปแล้ว 10 ประตูและแอสซิสต์ 8 ครั้งในการเจอกับ นิวคาสเซิล และยังจ่ายให้เพื่อนได้ติดต่อกัน 6 นัดที่พบกันในลีก
คาดการณ์ 11 ตัวจริง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (4-3-3):
นิค โป๊ป; คีแรน ทริปเปียร์, ฟาเบียน แชร์, แดน เบิร์น, ทีโน่ ลิฟราเมนโต; บรูโน กีมาไรส์, ซานโดร โตนาลี, โจลินตัน; อีลังกา, กอร์ดอน, บาร์นส์
คาดการณ์ 11 ตัวจริง ลิเวอร์พูล (4-3-3):
อลีสซง เบ็คเกอร์; โซบอสไล, อิบราฮิมา โกนาเต้, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, มิลอส เคอร์เคซ; กราเวนเบิร์ช, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์; ซาลาห์, ฟลอเรียน เวิร์ทซ์, โคดี้ กัคโป; เอคิทิเก้
บทวิเคราะห์สกอร์:
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 1-2 ลิเวอร์พูล
แม้ ลิเวอร์พูล จะมีจุดอ่อนในแนวรับ แต่ นิวคาสเซิล ที่ไร้ อิซัค ยังไม่น่าจะใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้เต็มที่ โดยเฉพาะหลังเกมล่าสุดที่จบแบบไร้สกอร์ ฝั่งเจ้าถิ่นอาจมีโอกาสสวนกลับ แต่แนวรุกเต็มพลังของ ลิเวอร์พูล พร้อมลงโทษและเก็บชัยสองนัดติดในซีซันนี้