สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ได้ประกาศการจัดอันดับสโมสรยุโรปอย่างเป็นทางการสำหรับฤดูกาล 2025-26 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจบนหัวตาราง เมื่อ เรอัล มาดริด ยอดทีมจากสเปน สามารถแซงหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นไปรั้งตำแหน่งสโมสรอันดับหนึ่งของทวีปได้สำเร็จ แม้ว่า “ราชันชุดขาว” จะตกรอบก่อนรองชนะเลิศในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลล่าสุดก็ตาม
การจัดอันดับสโมสรประจำปีของยูฟ่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากจะส่งผลต่อการจัดอันดับทีมวาง (seedings) ในการจับสลากประกบคู่การแข่งขันระดับสโมสรของยูฟ่าในฤดูกาลหน้า โดยการคำนวณคะแนนจะอิงจากผลงานของแต่ละสโมสรในการแข่งขันระดับทวีปในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (นับตั้งแต่ฤดูกาล 2020-21 เป็นต้นไป) ด้วยระบบการให้คะแนนแบบถ่วงน้ำหนัก (weighted algorithm)
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ เรอัล มาดริด ทะยานขึ้นสู่อันดับหนึ่งคือความสำเร็จในการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ถึง 2 สมัยในช่วงเวลาดังกล่าว (ฤดูกาล 2021-22 และ 2023-24) ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์รายการนี้ได้เพียงครั้งเดียวในฤดูกาล 2022-23 ประกอบกับผลงานในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาล 2024-25 ที่น่าผิดหวังของทีม “เรือใบสีฟ้า” ซึ่งตกรอบเพลย์ออฟก่อนถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือของ เรอัล มาดริด (แพ้ด้วยผลรวมสองนัด 3-6) ก็ส่งผลกระทบต่อคะแนนสะสมของพวกเขาเช่นกัน
สำหรับทีมอื่นๆ ที่น่าสนใจ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2025 และ อินเตอร์ มิลาน รองแชมป์ ขยับอันดับขึ้นมาอยู่ที่ 5 และ 6 ตามลำดับ (เปแอสเชขึ้น 1 อันดับ, อินเตอร์ขึ้น 4 อันดับ) ส่วน บาเยิร์น มิวนิค และ ลิเวอร์พูล ยังคงรั้งอันดับ 3 และ 4 ตามเดิม ขณะที่ เชลซี ขยับขึ้นมา 3 อันดับ รั้งที่ 7 หลังประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก
สิบอันดับแรกประกอบไปด้วย โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, โรม่า และ บาร์เซโลน่า ซึ่ง “เจ้าบุญทุ่ม” สามารถทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศแชมเปียนส์ลีกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ฤดูกาล
ทางด้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งพ่ายแพ้ต่อ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในนัดชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก เมื่อเดือนที่แล้ว ขยับขึ้นมา 3 อันดับ รั้งอยู่ที่ 11 และยังคงมีอันดับเหนือกว่า อาร์เซนอล ที่อยู่ในอันดับ 12 แม้ว่า “ปืนใหญ่” จะทำผลงานได้ดีในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้ด้วยการเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ และเคยเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในฤดูกาล 2023-24 ก็ตาม
อันดับสโมสรยุโรปของยูฟ่า (บางส่วน)
| อันดับ | สโมสร | ประเทศ |
|---|---|---|
| 1 | เรอัล มาดริด | สเปน |
| 2 | แมนเชสเตอร์ ซิตี้ | อังกฤษ |
| 3 | บาเยิร์น มิวนิค | เยอรมนี |
| 4 | ลิเวอร์พูล | อังกฤษ |
| 5 | ปารีส แซงต์-แชร์กแมง | ฝรั่งเศส |
| 6 | อินเตอร์ มิลาน | อิตาลี |
| 7 | เชลซี | อังกฤษ |
| 8 | โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ | เยอรมนี |
| 9 | โรม่า | อิตาลี |
| 10 | บาร์เซโลน่า | สเปน |
| 11 | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด | อังกฤษ |
| 12 | อาร์เซนอล | อังกฤษ |
| 13 | ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น | เยอรมนี |
| 14 | แอตเลติโก มาดริด | สเปน |
| 15 | เบนฟิก้า | โปรตุเกส |
| 27 | ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ | อังกฤษ |
| 40 | เรอัล เบติส | สเปน |
| 43 | โบโด/กลิมท์ | นอร์เวย์ |
| 46 | แอสตัน วิลล่า | อังกฤษ |
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ แชมป์ยูโรปา ลีก อยู่ในอันดับที่ 27 ส่วน แอสตัน วิลล่า ที่เข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้ (ก่อนพ่ายให้กับ เปแอสเช) อยู่ในอันดับที่ 46 เนื่องจากไม่ได้ลงเล่นในฟุตบอลยุโรปถึง 3 จาก 5 ฤดูกาลที่นำมาคิดคะแนน
การเปลี่ยนแปลงอันดับสโมสรยุโรปของยูฟ่าในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่เข้มข้นในเวทียุโรป และจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของการแข่งขันในฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน