ย้อนกลับไปในปี 2000 โลกทั้งใบกำลังตื่นเต้นกับสหัสวรรษใหม่ นิตยสาร World Soccer ได้สัมภาษณ์ เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานฟีฟ่าในขณะนั้น พร้อมคำถามที่ยิ่งใหญ่ว่า “อีก 100 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร?” แบล็ตเตอร์ตอบอย่างสุขุมว่า “ผมมองไกลขนาดนั้นไม่ได้ แต่เอาแค่ 25 ปีข้างหน้าแล้วกัน… ผมคาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงอะไร”
และในวันนี้, วันที่ 11 ตุลาคม 2025 เราได้เดินทางมาถึงจุดที่แบล็ตเตอร์เคยมองไว้ และพบว่าคำทำนายของเขา (และของผู้คนส่วนใหญ่ในยุคนั้น) พลาดเป้าไปอย่างสิ้นเชิง นี่คือ 8 ความคาดหวังที่เคยเป็น “ความจริงแห่งอนาคต” ในวันนั้น แต่กลับกลายเป็นเพียงภาพลวงตาในวันนี้
1. ยุคแห่งการสิ้นสุดอำนาจของ ยุโรป-อเมริกาใต้ เปเล่เคยทำนายไว้ว่าทีมจากแอฟริกาจะคว้าแชมป์โลกได้ก่อนสิ้นศตวรรษที่ 20 การคว้าเหรียญทองโอลิมปิกของไนจีเรีย (1996) และแคเมอรูน (2000) ยิ่งตอกย้ำความเชื่อนั้น แต่ 25 ปีผ่านไป ผู้ชนะฟุตบอลโลกชายยังคงมาจาก 2 ทวีปเดิม โมร็อกโกสร้างประวัติศาสตร์ในปี 2022 ก็จริง แต่ก็เป็นเพียงแสงสว่างวาบเดียว และขุมกำลังหลักส่วนใหญ่ก็เติบโตในยุโรป สุดท้ายแล้ว 9 ทีมเต็งแชมป์โลก 2026 ก็ยังคงเป็นหน้าเดิมๆ จากสองทวีปมหาอำนาจ
2. สหรัฐอเมริกาจะกลายเป็นมหาอำนาจลูกหนังโลก นี่คือคำทำนายที่แพร่หลายที่สุดในยุคนั้น ด้วยความสำเร็จในการจัดฟุตบอลโลก 1994, ลีกอาชีพที่แข็งแกร่ง และศักยภาพด้านกีฬา ทุกคนเชื่อว่าอเมริกาจะก้าวขึ้นมาเป็นทีมชั้นนำของโลกภายในปี 2026 แต่ความจริงคือ พวกเขาถึงขนาดพลาดไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 และจนถึงวันนี้ ยังไม่มีนักเตะชายชาวอเมริกันคนไหนเคยได้รับคะแนนโหวตในบัลลงดอร์เลยแม้แต่คะแนนเดียว ชื่อของ “เฟรดดี้ อาดู” ที่เคยถูกยกให้เป็นอนาคตของโลก ก็กลายเป็นเพียงตำนานสอนใจ
3. กองกลางแห่งอนาคต: พละกำลังจะมาแทนที่เทคนิค ยุค 2000 คือยุคของกองกลางพันธุ์ดุอย่าง ปาทริค วิเอร่า ทุกคนเชื่อว่าเพลย์เมกเกอร์ร่างเล็กจะถูกบดขยี้หายไปจากเกม แต่แล้ว เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (ในฐานะผู้จัดการทีม) ก็ได้ปฏิวัติวงการด้วยสามประสานร่างเล็กอย่าง ชาบี, อิเนียสต้า และบุสเก็ตส์ การยืนหยัดอย่างสง่างามของ อันเดรีย ปิร์โล และ ลูก้า โมดริช ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า “สมอง” และ “วิสัยทัศน์” ยังคงมีค่าเหนือกว่า “ขนาด” และ “พละกำลัง” เสมอ
4. ผู้จัดการทีมยุคใหม่จะไม่ใช่อดีตนักเตะชื่อดัง อาร์แซน เวนเกอร์, โชเซ่ มูรินโญ่, ราฟา เบนิเตซ คือต้นแบบที่ทำให้คนเชื่อว่ายุคของผู้จัดการทีมสาย “นักวิชาการ” ที่ไม่ได้มีอาชีพค้าแข้งที่โดดเด่นกำลังจะมาถึง แต่เมื่อมองมาถึงปัจจุบัน ผู้จัดการทีมที่ครองความยิ่งใหญ่ในทศวรรษที่ผ่านมาล้วนเป็นอดีตนักเตะระดับโลกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, ซีเนอดีน ซีดาน, ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ หรือแม้แต่คลื่นลูกใหม่อย่าง ชาบี อลอนโซ่ และ มิเกล อาร์เตต้า ก็ล้วนเป็นชื่อที่คุ้นหูจากสมัยยังค้าแข้ง ดูเหมือนว่าประสบการณ์จากสนามจริงยังคงเป็นคุณสมบัติที่หาใครมาแทนที่ไม่ได้
5. สโมสรในลอนดอนจะย้ายออกจากเมืองและใช้สนามร่วมกัน ด้วยราคาที่ดินที่แพงหูฉี่ในลอนดอน แนวคิดที่ว่าสโมสรยักษ์ใหญ่จะย้ายไปสร้างสนามชานเมืองและใช้สนามเวมบลีย์ร่วมกันนั้นเคยเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงอย่างจริงจัง แต่ความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม ทั้งอาร์เซนอล, สเปอร์ส หรือแม้แต่เบรนท์ฟอร์ด ต่างหาทางสร้างรังเหย้าแห่งใหม่ใน “ถิ่นฐานเดิม” ของตัวเองได้อย่างน่าทึ่ง เพื่อรักษา “อัตลักษณ์” และ “ภูมิศาสตร์” ของสโมสรไว้
6. นักเตะจะเลิกเล่นทีมชาติเร็วขึ้นเพื่อยืดอายุในสโมสร เมื่อค่าเหนื่อยในระดับสโมสรพุ่งสูงขึ้นราวกับจรวด ทุกคนเชื่อว่านักเตะจะยอมสละเกียรติยศในนามทีมชาติเพื่อทุ่มเทให้กับสโมสรที่จ่ายเงินให้พวกเขา อลัน เชียเรอร์ และ เดนนิส เบิร์กแคมป์ คือตัวอย่างในยุคนั้น แต่ปรากฏว่าในยุคนี้ นักเตะระดับท็อปต่างโหยหาการรับใช้ชาติมากกว่าเดิม ลิโอเนล เมสซี่, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, โทนี่ โครส ถึงกับยอมกลับคำพูดเพื่อกลับมารับใช้ชาติอีกครั้ง
7. สนามฟุตบอลแห่งอนาคตจะต้องมีหลังคาเปิด-ปิดได้ อัมสเตอร์ดัม อารีน่า ของอาแจ็กซ์ คือต้นแบบของนวัตกรรมนี้ในปี 1996 ทุกคนเชื่อว่ามันจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของโลก แต่ด้วยต้นทุนที่มหาศาล ทำให้หลังคาเปิด-ปิดได้ยังคงเป็นเพียง “ของหายาก” มีเพียงไม่กี่สนามในโลกที่มีเทคโนโลยีนี้ และสนามในอังกฤษก็ยังไม่มีสนามไหนที่มีหลังคาคลุมพื้นสนามได้ทั้งหมด
8. Pay-Per-View จะครองโลกการถ่ายทอดสด โมเดล “จ่ายเมื่อรับชม” ที่ประสบความสำเร็จในวงการมวย ถูกคาดการณ์ว่าจะเข้ามาแทนที่ระบบสมัครสมาชิกรายเดือน แต่หลังจากทดลองใช้และเผชิญกับกระแสต่อต้านอย่างหนักจากแฟนบอล สุดท้ายโมเดลนี้ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า และระบบ Subscription ก็ยังคงเป็นราชาแห่งการถ่ายทอดสดฟุตบอลมาจนถึงทุกวันนี้
บทเรียนจาก 25 ปีที่ผ่านมาสอนให้เรารู้ว่า ฟุตบอลเป็นมากกว่าแค่กีฬา มันมีจิตวิญญาณ, ประเพณี และความไม่แน่นอนที่สวยงามซ่อนอยู่ ซึ่งแข็งแกร่งกว่าทุกเทคโนโลยีและทุกการคาดการณ์ทางธุรกิจ บางทีคำทำนายที่แม่นยำที่สุดที่เราทำได้ ก็คือฟุตบอลจะหาทาง “เซอร์ไพรส์” เราได้เสมอ และนั่นคือเหตุผลที่เราหลงรักมัน