7msport

“ผมเคยแกล้งเป็นโอเว่นข้างถนน” – รูนีย์ตอบกลับดราม่า “ใครเก่งกว่า” แบบมีคลาส ยกย่องอดีตคู่หูคือที่สุดในโลก

หลังจากที่ ไมเคิล โอเว่น ออกมาจุดประเด็นร้อนในโลกโซเชียล โดยอ้างว่าในช่วงอายุ 17 ปี เขายอดเยี่ยมกว่า เวย์น รูนีย์ อย่างชัดเจน ล่าสุด “เสี่ยหมู” ก็ได้ออกมาตอบกลับถึงประเด็นดังกล่าวเป็นครั้งแรกผ่านรายการพอดแคสต์ของตัวเอง พร้อมบทสรุปที่เต็มไปด้วยความเคารพและเรื่องราวที่คาดไม่ถึง

เวย์น รูนีย์ ตำนานแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษ ได้กล่าวถึงประเด็นถกเถียงนี้ในรายการ The Wayne Rooney Show โดยแสดงความเห็นอย่างมีชั้นเชิงและไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง โดยเขายอมรับว่าสิ่งที่โอเว่นพูดนั้น “เป็นธรรม” และเป็นเรื่องปกติที่นักฟุตบอลจะเชื่อมั่นในตัวเอง

“ผมคิดว่าความคิดเห็นของเขาเป็นธรรมนะ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องสนับสนุนตัวเอง ผมเองก็จะสนับสนุนตัวเองเหมือนกัน” รูนีย์กล่าว “แต่ผมไม่เคยตัดสินตัวเองเทียบกับไมเคิล โอเว่น เลย เพราะเขาคือคนที่ผมเฝ้ามองและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ลงเล่นเคียงข้างเขา”

สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ รูนีย์ได้เปิดเผยเรื่องราวในวัยเด็กที่แสดงให้เห็นถึงความชื่นชมที่เขามีต่อโอเว่นอย่างแท้จริง “ผมเคยออกไปเล่นฟุตบอลข้างถนนและแกล้งทำตัวเป็น ไมเคิล โอเว่น ด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่เขาเล่นให้กับลิเวอร์พูล”

ประเด็นร้อนนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อโอเว่นได้แสดงความคิดเห็นตอบกลับโพสต์ของ BBC Match of the Day ที่ตั้งคำถามว่าใครเก่งกว่ากันในวัย 17 ปี โดยโอเว่นได้ร่ายยาวถึงสถิติของตนเอง ทั้งการคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 2 สมัยซ้อนตอนอายุ 17 และ 18 ปี ด้วยจำนวน 18 ประตู ขณะที่รูนีย์ยิงได้ 6 และ 9 ประตูตามลำดับ รวมถึงการคว้ารางวัลบัลลงดอร์ตั้งแต่อายุยังน้อย

อย่างไรก็ตาม รูนีย์ได้ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างที่สำคัญ “เราเป็นนักฟุตบอลที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งสไตล์การเล่นและเทคนิค ไมเคิล โอเว่น ในช่วง 3-4 ปีนั้น เขาอาจจะเป็นกองหน้าตัวเป้าที่ดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ผมคิดว่าผู้คนมักจะลืมไปว่าเขาเก่งกาจขนาดไหน”

“มันยากที่จะโต้เถียงกับใครก็ตามที่ต้องมาเจอกับ ไมเคิล โอเว่น ในช่วงเวลานั้น โชคร้ายที่เขาต้องเจอกับอาการบาดเจ็บ และเขาอาจจะไม่สามารถปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นของตัวเองได้ดีเท่าที่ผมทำได้ ทั้งการขยับไปเล่นด้านข้างหรือถอยลงมาเป็นมิดฟิลด์”

บทสรุปจาก เวย์น รูนีย์ ไม่เพียงแต่เป็นการยุติดราม่าที่อาจบานปลาย แต่ยังเป็นการแสดงความเคารพอย่างสูงส่งต่ออดีตเพื่อนร่วมทีมชาติและสโมสร ซึ่งเปลี่ยนประเด็นการถกเถียงให้กลายเป็นการรำลึกถึงความสุดยอดของสองตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการฟุตบอลอังกฤษ