โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แสดงความไม่พอใจต่อแอคเคานต์แฟนเพจของ ลิเวอร์พูล บนโซเชียลมีเดีย หลังมีการโพสต์เกี่ยวกับ อเล็กซานเดอร์ อีซัค
รายงานระบุว่า ซาลาห์ ไม่พอใจกับโพสต์ที่พุ่งเป้าโจมตี หลุยส์ ดิอาซ และ ดาร์วิน นูนเญซ บนแพลตฟอร์ม X โดยบัญชีชื่อ @AnfieldEdition ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 500,000 ราย ได้โพสต์ข้อความที่สร้างความไม่พอใจว่า การแลกตัว อเล็กซานเดอร์ อีซัค และ ฟลอเรียน เวิร์ทซ์ แทน ดิอาซ กับ นูนเญซ คือ “การอัปเกรดที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล” ซึ่งทำให้ ซาลาห์ ออกมาตอบโต้ทันทีเพื่อปกป้องอดีตเพื่อนร่วมทีม
ซาลาห์ ตอบกลับอย่างดุเดือดว่า
“เราควรยกย่องนักเตะใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องดูถูกแชมป์พรีเมียร์ลีก”
โพสต์ดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนจากบุคคลดังในวงการอย่าง เจมี คาร์ราเกอร์ ที่เข้ามาแสดงความเห็นให้กำลังใจ ซาลาห์
ดราม่าระหว่าง ลิเวอร์พูล และ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แฟนบอลของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล มีการปะทะคารมกันอย่างต่อเนื่องในโลกออนไลน์ ตั้งแต่กรณีดีล ฮูโก้ เอคิติเก้ ไปจนถึงประเด็นที่เกี่ยวกับ อเล็กซานเดอร์ อีซัค ที่ถูกกล่าวหาว่าไม่เต็มใจลงเล่นในบางช่วง
ความตึงเครียดพุ่งถึงจุดสูงสุดเมื่อเดือนก่อน หลังจากที่ทั้งสองทีมเจอกันในเกมสุดมันส์ที่ สนามเซนต์ เจมส์พาร์ก โดยในแมตช์นั้น ลิเวอร์พูล พลิกแซงชนะในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทั้งที่ สาลิกาดง เหลือผู้เล่นเพียง 10 คน ก่อนที่ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์จะสร้างสถิติทุ่มเงินก้อนโตอีกครั้งเพื่อคว้าตัว อีซัค
ซาลาห์ ยอมรับยังปรับตัวกับแนวรุกใหม่ไม่ลงตัว
ในการให้สัมภาษณ์กับ Men In Blazers Podcast ซาลาห์ เปิดเผยว่า การทำความเข้าใจกับแนวรุกชุดใหม่ของ ลิเวอร์พูล ต้องใช้เวลา
เขากล่าวว่า
“ตอนนี้ผมยังไม่สามารถหาจังหวะการเล่นร่วมกับคนอื่นได้ลงตัวเหมือนเมื่อก่อน ไม่ว่าจะเป็น ดาร์วิน, ลุโช หรือแม้แต่ ดิโอโก้ ผมรู้วิธีเล่นกับพวกเขา แต่กับ ฮูโก้ ทุกอย่างยังใหม่ เรากำลังพยายามเรียนรู้กันผ่านการซ้อมและดูวิดีโอ ซึ่งผมมั่นใจว่าผมจะปรับตัวได้ เพราะมันจะช่วยพัฒนาฟอร์มของผมด้วย”
ข้อความจาก อเล็กซานเดอร์ อีซัค ถึงแฟนบอล นิวคาสเซิล
เมื่อวานนี้ อีซัค ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน อินสตาแกรม หลังหายเงียบไป 6 สัปดาห์ โดยเขากล่าวว่า:
“ผมอยากขอบคุณเพื่อนร่วมทีม สตาฟฟ์ และเหนือสิ่งอื่นใด คือเมือง นิวคาสเซิล และแฟนบอลที่สุดยอดทุกคน สำหรับช่วงเวลา 3 ปีที่ไม่มีวันลืม
เราสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกัน และพาสโมสรกลับไปอยู่ในจุดที่คู่ควร มันเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนในเส้นทางนี้ ตั้งแต่การคว้าตั๋ว ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ไปจนถึงการคว้าถ้วยแชมป์แรกในรอบกว่า 70 ปี ขอบคุณตลอดไป นิวคาสเซิล”