หากจะหาใครสักคนที่กราฟชีวิตพุ่งทะยานที่สุดในศึก MotoGP ฤดูกาลที่ผ่านมา ชื่อของ เฟอร์มิน อัลเดเกร (Fermin Aldeguer) ย่อมเป็นชื่อแรกที่ทุกคนนึกถึง
จากจุดเริ่มต้นที่ยากลำบาก หลุดจากท็อป 10 ในช่วงต้นฤดูกาล แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการเรียนรู้ เด็กหนุ่มจากสเปนผู้นี้สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าตำแหน่ง “Rookie of the Year” (ดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี) ได้สำเร็จ พร้อมฝากผลงานมาสเตอร์พีซด้วยการคว้าชัยชนะที่ มันดาลิกา (Mandalika) กลายเป็นนักบิดอายุน้อยที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์รุ่นใหญ่ได้ (เป็นรองแค่ มาร์ค มาร์เกซ)
ล่าสุด อัลเดเกร ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Crash.net ถึงเบื้องหลังความสำเร็จและเป้าหมายที่ท้าทายในปี 2026
วิชาครูพักลักจำ: สูตรลับฉบับพี่น้องมาร์เกซ
เมื่อถูกถามถึงกุญแจสำคัญในการปรับตัวเข้ากับรุ่นใหญ่ อัลเดเกร ยกเครดิตให้กับการได้อยู่ใกล้ชิดกับยอดนักบิดอย่าง มาร์ค และ อเล็กซ์ มาร์เกซ ในทีม Gresini
“ผมเรียนรู้เยอะมากครับ ทั้งในฐานะนักแข่งและในฐานะคนคนหนึ่ง” อัลเดเกรกล่าว “ในช่วงแรก ผมเรียนรู้จากการได้อยู่ใกล้ๆ มาร์คและอเล็กซ์ ผมดูวิธีเตรียมตัวก่อนแข่ง ดูวิธีคิดของพวกเขา สำหรับผมมันมหัศจรรย์มาก ผมจดจ้องสิ่งที่พวกเขาทำ แม้กระทั่งดูว่ามื้อเช้าพวกเขากินอะไร!“
การได้ซึมซับความเป็นมืออาชีพจากแชมป์โลก ทำให้เขายกระดับตัวเองขึ้นมาต่อกรกับกลุ่มหัวแถวได้ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล
จุดแข็ง “ยางเก่า” และจุดอ่อน “รอบควอลิฟาย”
อัลเดเกร วิเคราะห์สไตล์การขี่ของตัวเองไว้อย่างน่าสนใจ เขามองว่าจุดเด่นที่สุดคือ “การบริหารยางช่วงท้ายเกม” “ผมมีความรู้สึกที่ดีมากในช่วงท้ายการแข่งขันกับยางที่ใช้แล้ว (Used Tyres) ซึ่งต้องอาศัยการคุมคันเร่งที่นุ่มนวล ในบางสนามผมทำเวลาช่วงท้ายได้ดีกว่าคนที่ชนะเสียอีก”
แต่ในทางกลับกัน จุดที่ต้องเร่งแก้ไขคือ “รอบควอลิฟาย” และการใช้เบรก “สิ่งที่ยากที่สุดคือการเรียนรู้เบรกคาร์บอนและยางมิชลินครับ มันต่างจากยางพิเรลลีใน Moto2 อย่างสิ้นเชิง จนถึงสนามสุดท้าย ผมก็ยังไม่รู้ลิมิตที่แน่นอนของมัน นั่นคือสาเหตุที่ผมต้องแก้เรื่องควอลิฟายให้ได้” (ปีนี้เขาจบอันดับ 9 ในตาราง BMW M Award ซึ่งวัดผลงานรอบควอลิฟาย)
คู่หูผู้อยู่เบื้องหลัง: แฟรงกี้ คาร์เคดี
อัลเดเกร ยังชื่นชม แฟรงกี้ คาร์เคดี (Frankie Carchedi) หัวหน้าช่างคู่ใจ (Crew Chief) ว่าเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จ “แฟรงกี้ช่วยผมเยอะมาก เขาเป็นคนบ้างาน (ในทางที่ดี)! เขาทำงานตลอดเวลา เราเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีมาก เขาช่วยเซตอัป ส่วนผมช่วยปรับสไตล์การขี่ เขาเคยพา โจน เมียร์ เป็นแชมป์โลก และช่วยมาร์คชนะหลายสนาม ผมมีความสุขมากที่ได้ร่วมงานกับเขา”
เป้าหมาย 2026: สู่ Top 3 ของโลก
แม้ปีหน้าเขาจะต้องใช้รถ Ducati ปีเก่า (Desmosedici สเปกปีที่แล้ว) ต่อไป แต่อัลเดเกรไม่ได้มองว่าเป็นข้อจำกัด เขาตั้งเป้าหมายที่สูงขึ้นกว่าเดิม
“ปีหน้าเป้าหมายต้องเปลี่ยนไปครับ ปีนี้เราเริ่มจากนอกท็อป 10 แต่ปีหน้าเป้าหมายของผมคือ ต้องเกาะกลุ่ม Top 5 ให้สม่ำเสมอ ขึ้นโพเดียมให้บ่อยขึ้น แก้ไขเรื่องควอลิฟาย และจบฤดูกาลในอันดับ Top 5 หรืออาจจะถึง Top 3 เลยก็ได้ ผมตื่นเต้นกับฤดูกาล 2026 มากๆ ครับ”
จากเด็กหนุ่มที่คอยมองดูรุ่นพี่กินข้าวเช้า วันนี้ เฟอร์มิน อัลเดเกร พร้อมแล้วที่จะร่วมโต๊ะอาหารมื้อใหญ่ เพื่อแย่งชิงเค้กชิ้นที่ใหญ่ที่สุดในศึก MotoGP 2026