7msport

“อัลเดเกร” ประกาศชัด! ปี 2026 ไม่ได้มาล่าแชมป์ แต่มาเพื่อแย่ง “Ducati สีแดง”

เฟอร์มิน อัลเดเกร (Fermín Aldeguer) นักบิดหนุ่มวัย 20 ปี จากทีม Gresini Racing ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเขาไม่ใช่แค่ดาวรุ่งพุ่งแรง แต่คือ “ของจริง” หลังจากคว้ารางวัล “Rookie of the Year” ปี 2025 พร้อมผลงานชนะ 1 สนาม (อินโดนีเซีย) และขึ้นโพเดียมอีก 3 ครั้ง ล่าสุดเขาได้เปิดใจกับสื่อดังอย่าง MARCA ถึงเป้าหมายที่แท้จริงในปี 2026 และวิเคราะห์คู่แข่งอย่างตรงไปตรงมา

เป้าหมาย 2026: ยังไม่ใช่แชมป์โลก แต่คือ “พื้นที่สีแดง”

เมื่อถูกถามถึงโอกาสลุ้นแชมป์โลกในปีหน้า อัลเดเกรตอบอย่างถ่อมตัวแต่แฝงความมุ่งมั่นว่า “ยังไม่ใช่ครับ ผมมีอาวุธครบมือก็จริง แต่ผมยังขาดประสบการณ์ ระดับการแข่งขันตอนนี้สูงมาก เป้าหมายหลักของผมคือการแย่งชิงเก้าอี้ทีมโรงงาน Ducati สำหรับปี 2027 ซึ่งจะเป็นปีที่มีการเปลี่ยนกฎกติกาครั้งใหญ่ และการได้รถโรงงานในปีนั้นคือกุญแจสำคัญ”

ภารกิจพิชิตเพื่อนร่วมทีม

หนึ่งในด่านทดสอบสำคัญคือการเอาชนะเพื่อนร่วมทีมอย่าง อเล็กซ์ มาร์เกซ ซึ่งอัลเดเกรยอมรับตรงๆ ว่า “ใช่ครับ การชนะอเล็กซ์คือเป้าหมาย ถ้าผมทำได้ หรือทำได้ใกล้เคียงกัน มันแปลว่าเรากำลังต่อสู้เพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เพราะเขาคือนักแข่งระดับหัวแถว แต่ผมไม่ได้โฟกัสแค่เขา ผมโฟกัสที่การพัฒนาตัวเองและการเกาะกลุ่ม Top 5 ให้ได้สม่ำเสมอ”

วิเคราะห์เจ็บ: ทำไม “เปคโก้” ถึงหลุดฟอร์ม?

อัลเดเกรยังได้วิเคราะห์ถึงความล้มเหลวของ เปคโก้ บัญญาญ่า ในช่วงหลังอย่างน่าสนใจว่า “สำหรับผม เปคโก้ทำงานกับทีมและตัวเองได้ไม่ดีพอ เขาดูเหมือนยิงปืนขึ้นฟ้าแบบไร้ทิศทาง พยายามเปลี่ยนรถไปมา เดี๋ยวเอาสเปก 2024 เดี๋ยวเอา 2025 แทนที่จะปรับตัวเข้าหาสถานการณ์ เขาไปยึดติดกับความสำเร็จเก่าๆ ว่า ‘ปีที่แล้วผมทำได้แบบนี้’ ซึ่งมันใช้ไม่ได้ผลในปีนี้ที่ทุกอย่างเร็วขึ้นมาก”

จุดอ่อนที่ต้องแก้: รอบควอลิฟาย

แม้จะมีเรซเพซที่ยอดเยี่ยม แต่อัลเดเกรยอมรับว่า “รอบคัดเลือก” คือจุดตายของเขา “ผมมักจะต้องออกสตาร์ทจากท้ายแถวเสมอ แม้จะแซงได้เยอะที่สุดในกริด แต่ถ้าผมได้ออกสตาร์ทแถวหน้า ชีวิตคงง่ายกว่านี้เยอะ ปีหน้าผมตั้งเป้าไว้เลยว่าต้องแก้เรื่องนี้ให้ได้ การได้ Pole Position อาจจะทำให้ผมดีใจยิ่งกว่าชนะการแข่งเสียอีก”

อนาคตกับ Ducati

สุดท้าย อัลเดเกรมั่นใจในศักยภาพของ Ducati แม้คู่แข่งอย่าง Aprilia จะมาแรง “ผมเชื่อมั่นใน Ducati แม้กฎจะเปลี่ยนในปี 2027 ผมไม่คิดว่ารถที่ดีที่สุดจะกลายเป็นรถที่แย่ที่สุด อย่างมากก็แค่สูสีกับค่ายอื่น หน้าที่ของผมคือสู้ให้เต็มที่เพื่อคว้าสิทธิ์ขี่ ‘รถสีแดง’ คันนั้นให้ได้”