ในโลกของ MotoGP เส้นแบ่งระหว่าง “ฮีโร่” กับ “ผู้แพ้” บางครั้งก็บางเบาเหมือนฟองสบู่ สำหรับ อเล็กซ์ มาร์เกซ เขาได้เรียนรู้สัจธรรมนี้ด้วยตัวเองอย่างเจ็บปวดที่สุด และหอมหวานที่สุดเช่นกัน
จุดต่ำสุดที่เกือบทำให้เลิกขี่ ย้อนกลับไปไม่กี่ปีก่อน ตอนที่ยังสวมชุดแข่งของ Honda ชีวิตของอเล็กซ์เหมือนตกอยู่ในหลุมดำ โดยเฉพาะปี 2022 ที่เขาจบอันดับ 17 “พูดตามตรง ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่เวลาอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์” อเล็กซ์เปิดใจกับ Speedweek.com ด้วยความเจ็บปวด “ผมพยายามทำทุกอย่างให้เร็วขึ้น แต่กลายเป็นว่ายิ่งพยายาม ก็ยิ่งช้าลง”
ช่วงเวลานั้น เขาถูกมองข้าม สื่อมวลชนมักถามถึงอาการบาดเจ็บของพี่ชาย (มาร์ก) มากกว่าถามถึงความรู้สึกของเขาเสียอีก ความท้อแท้กัดกินใจจนเขาเคยคิดว่า “MotoGP อาจจะไม่ใช่ที่ของผม”
การเดิมพันที่เปลี่ยนชีวิต การตัดสินใจทิ้งเงินก้อนโตและสถานะนักแข่งโรงงาน Honda เพื่อลดค่าเหนื่อยมาอยู่กับทีมอิสระอย่าง Gresini Racing คือจุดเปลี่ยนที่ต้องใช้ความกล้าหาญมหาศาล แต่ผลตอบแทนนั้นคุ้มค่าเกินบรรยาย โดยเฉพาะในฤดูกาลล่าสุดที่เขาได้ควบ Ducati GP24 ซึ่งเปรียบเสมือนกุญแจที่ไขศักยภาพที่แท้จริงของเขาออกมา จนก้าวไปถึงตำแหน่ง รองแชมป์โลก
มูลค่าที่พุ่งทะยาน ความสำเร็จในสนาม ไม่เพียงนำมาซึ่งถ้วยรางวัล แต่ยังเปลี่ยนมูลค่าทางการตลาดของเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือ อเล็กซ์เปิดเผยว่า “เรามีการวัดผลมูลค่าสื่อ (Media Impact) ให้สปอนเซอร์ทุก 3 เดือน… เชื่อไหมว่ามูลค่าที่ผมสร้างให้แบรนด์อย่าง Alpinestars มันพุ่งกระฉูดจากหลักแสนขึ้นไปเป็นหลักล้านในเวลาแค่ปีเดียว!”
จิมมี่ มาร์ติเนซ ผู้จัดการส่วนตัวของเขากล่าวว่า ตอนนี้เราอยู่ในจุดที่สมบูรณ์แบบ “กลยุทธ์การตลาดจะไร้ค่าถ้าไม่มีผลงานในสนาม แต่เมื่อผลงานมา ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น แผนของเราในปี 2026 ชัดเจนมาก คือต้องรักษามาตรฐานนี้ไว้ เพื่อพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า ปีที่แล้วไม่ใช่แค่เรื่องฟลุ๊ค”
ปี 2026 อเล็กซ์ มาร์เกซ จะไม่ได้ลงสนามแค่ในฐานะน้องชายแชมป์โลกอีกต่อไป แต่เขาคือนักแข่งระดับแม่เหล็กที่มีทั้งฝีมือและมูลค่าทางการตลาดที่ใครก็อยากร่วมงานด้วย… แต่เขาก็เตือนตัวเองเสมอว่า “ความสำเร็จเหมือนฟองสบู่ วันนี้คุณอยู่บนยอด แต่ถ้ามันแตก คุณก็หายไป… การขึ้นไปน่ะง่าย แต่การรักษาตำแหน่งให้อยู่บนนั้น ยากยิ่งกว่า”