7msport

อดีตเจ้าของนิวคาสเซิล สนใจเทกโอเวอร์ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ หลังสโมสรเข้าสู่ภาวะล้มละลาย

อดีตเจ้าของทีม สโมสรฟุตบอล นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด อย่าง ไมค์ แอชลีย์ กำลังพิจารณาเข้าซื้อกิจการของ สโมสรฟุตบอลเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ หลังสโมสรประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนักจนต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

สาเหตุเกิดจากการที่ทีมไม่สามารถชำระหนี้จำนวน 1 ล้านปอนด์ให้กับหน่วยงานภาษีของสหราชอาณาจักร (HMRC) ได้ทันเวลา ทำให้ ฟุตบอลลีกอังกฤษ (EFL) สั่งตัดแต้มทีมทันที 12 คะแนน ส่งผลให้ทีมหล่นไปอยู่ท้ายตารางของ อีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ โดยมีแต้มตามหลังโซนปลอดภัยถึง 16 คะแนน

ขณะนี้ฝ่ายบริหารชั่วคราวได้เริ่มกระบวนการหาผู้ลงทุนรายใหม่ โดยมีแนวโน้มว่า เดชพนธ์ ชาญศิริ เจ้าของทีมชาวไทย จะถูกปลดจากตำแหน่ง และคาดว่ากระบวนการขายสโมสรจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้

แม้สถานการณ์ของทีมจะสุ่มเสี่ยงต่อการตกชั้นไปยัง ลีกวัน แต่รายงานจาก เดอะ มิร์เรอร์ ระบุว่า ยังคงมีนักลงทุนหลายรายแสดงความสนใจเข้าซื้อกิจการของสโมสร โดยหนึ่งในนั้นคือ ไมค์ แอชลีย์ มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ วัย 61 ปี

คริส วิกฟิลด์ ผู้ดูแลกิจการร่วม เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า ตอนนี้มีผู้สนใจราว “4-5 กลุ่ม” ที่ยื่นข้อเสนออย่างจริงจัง โดยทุกกลุ่มจะต้องแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางการเงินเพียงพอ เพื่อรับประกันความมั่นคงของสโมสรในระยะยาว และต้องผ่านเกณฑ์การตรวจสอบคุณสมบัติของ ฟุตบอลลีกอังกฤษ

รายงานจาก เดลี่เมล ระบุเพิ่มเติมว่า แอชลีย์ กำลังประเมินความเป็นไปได้ของดีลนี้ หลังทราบข่าวการเปิดขายสโมสรอย่างเป็นทางการที่ สนามฮิลส์โบโรห์

สำหรับ ไมค์ แอชลีย์ เคยเป็นเจ้าของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ระหว่างปี 2007–2021 ช่วงเวลานั้นเขาถูกวิจารณ์อย่างหนักจากแฟนบอลที่มองว่า เขาไม่ลงทุนพัฒนาทีมมากพอ โดยมีการประท้วงเกิดขึ้นหลายครั้ง ก่อนที่ในที่สุดเขาจะขายสโมสรให้กับ กองทุนการลงทุนสาธารณะของซาอุดีอาระเบีย ด้วยมูลค่า 300 ล้านปอนด์

ปัจจุบัน แอชลีย์ มีทรัพย์สินราว 4.29 พันล้านปอนด์ (ข้อมูลจาก ฟอร์บส์) และเป็นเจ้าของธุรกิจค้าปลีกชื่อดัง Sports Direct ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Frasers Group โดยเขายังคงดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารอยู่ในปัจจุบัน

ด้าน เดชพนธ์ ชาญศิริ ได้ซื้อกิจการ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ตั้งแต่ปี 2015 ด้วยมูลค่าราว 30 ล้านปอนด์ แต่จากภาระหนี้สินและสถานะทางการเงินที่ย่ำแย่ ทำให้มูลค่าปัจจุบันของสโมสรยังไม่แน่ชัดว่าจะอยู่ที่ระดับใด อย่างไรก็ตาม วิกฟิลด์ ยังคงเชื่อว่าจะมีผู้ซื้อที่เหมาะสมเข้ามาแน่นอน

“แน่นอนครับ มีหลายกลุ่มที่แสดงความสนใจ แต่เราต้องคัดกรองอย่างเข้มงวด”
“ในจำนวนผู้ติดต่อทั้งหมด มี 4–5 กลุ่มที่ถือว่ามีความเป็นไปได้จริง ซึ่งเรากำลังเข้าสู่ขั้นตอนตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นอยู่”

วิกฟิลด์ อธิบายต่อว่า ผู้ที่จะเข้ามาเทกโอเวอร์ต้องผ่านเงื่อนไขสำคัญสองข้อ คือ

  1. ต้องพิสูจน์ได้ว่ามีทุนเพียงพอในการบริหารทีมต่อเนื่องหลายปีข้างหน้า

  2. ต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจาก ฟุตบอลลีกอังกฤษ ว่าเหมาะสมต่อการเป็นเจ้าของสโมสร

“ตามกฎของ EFL เราจะต้องเปิดขายสโมสรอย่างน้อย 28 วันก่อนจะเลือกผู้ซื้อที่เหมาะสมที่สุด ดังนั้นเราคาดว่าภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน น่าจะได้ทราบว่าใครคือเจ้าของใหม่ของทีม”

เขาทิ้งท้ายว่า หากการเจรจาเป็นไปตามแผน สโมสรอาจมีเจ้าของใหม่ทันก่อนเปิดตลาดนักเตะเดือนมกราคม ซึ่งจะช่วยให้ทีมสามารถเสริมผู้เล่นใหม่ได้ หากได้รับอนุมัติจาก EFL