การแข่งขัน 20 รอบที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ภายใต้อุณหภูมิพื้นแทร็กที่ร้อนระอุถึง 54 องศาเซลเซียส ได้จบลงแล้ว พร้อมกับการประกาศศักดาอย่าง “สมบูรณ์แบบ” ของนักบิดผู้คงเส้นคงวาที่สุดในฤดูกาลนี้… อเล็กซ์ มาร์เกซ
แม้ว่า “เป็กโก้” บันยาญ่า เจ้าของโพลโพซิชั่น จะออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม คว้า Holeshot ไปครองในโค้งแรก โดยมี อเล็กซ์ มาร์เกซ และ เปโดร อคอสต้า ไล่ตามมาติดๆ… แต่ “ความสุข” ของแชมป์โลกชาวอิตาลีก็อยู่ได้ไม่นาน
เพียงแค่ใน รอบที่ 2 เท่านั้น! อเล็กซ์ มาร์เกซ รองแชมป์โลกปี 2025 ก็อาศัยจังหวะที่เหนือกว่า แซง บันยาญ่า ขึ้นเป็นผู้นำ และนั่นคือ “จุดเริ่มต้น” ของการ “ปิดฉาก” การแข่งขันในวันนี้
จากนั้นเป็นต้นมา นี่คือ “มาสเตอร์คลาส” (Masterclass) ของการควบคุมเรซอย่างแท้จริง อเล็กซ์ ค่อยๆ ทิ้งห่าง บันยาญ่า จาก 0.2 วินาที เป็น 0.8 วินาที ในรอบที่ 3 และรักษาช่องว่างอันตรายไว้ที่ประมาณ 0.9 – 1 วินาทีอย่างต่อเนื่อง นี่คือการขับขี่ที่ “ไร้ที่ติ” และไม่เปิดโอกาสให้คู่แข่งเข้าใกล้เลย
จุดเปลี่ยนสำคัญของ “ผู้ไล่ล่า” เกิดขึ้นใน รอบที่ 13 เมื่อ “ฉลามน้อย” เปโดร อคอสต้า ที่ไล่บด บันยาญ่า อยู่นาน สามารถแซงขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ได้สำเร็จ และเริ่มปฏิบัติการไล่ล่าผู้นำ
แต่แทนที่ อเล็กซ์ มาร์เกซ จะโดนกดดัน… เขากลับ “เร่งหนี” ยิ่งกว่าเดิม
อเล็กซ์ ขยายช่องว่างจาก 1.4 วินาที (ในรอบ 12) พุ่งพรวดไปเป็น 2.0 วินาทีในรอบที่ 14 และ 2.5 วินาทีในรอบที่ 15… เป็นการ “ดับฝัน” ของ อคอสต้า อย่างเด็ดขาด และแสดงให้เห็นถึงการบริหารยางที่ยอดเยี่ยม ท่ามกลางสภาพแทร็กที่โหดร้าย
เรื่องราวกลับเลวร้ายสำหรับ บันยาญ่า เมื่อรถของเขาประสบ “ปัญหาทางเทคนิค” ในรอบที่ 18 ทำให้ต้องออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย
ส่งผลให้ โจอัน มิร์ นักบิดจากทีม Honda ที่ฟอร์มดีอย่างต่อเนื่อง ขยับขึ้นมารับตำแหน่งโพเดี้ยมในอันดับที่ 3
จบการแข่งขัน 20 รอบ อเล็กซ์ มาร์เกซ ควบ Ducati เข้าเส้นชัยเป็นคันแรก คว้าชัยชนะที่ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ 2025 ไปอย่าง “ไร้คู่แข่ง” และสง่างาม สมศักดิ์ศรีรองแชมป์โลก ตามมาด้วย เปโดร อคอสต้า ในอันดับ 2 และ โจอัน มิร์ ในอันดับ 3
