สุดสัปดาห์นี้ (17-19 ตุลาคม 2025) ณ สังเวียน ฟิลลิป ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย สนามแข่งขันได้เปิดกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และชายที่อาจถูกยกให้เป็น “ตัวเต็ง” อย่างไม่คาดคิด ก็คือ อเล็กซ์ มาร์เกซ แต่นี่คือภารกิจที่เขาจะต้องเผชิญหน้าเพียงลำพังเป็นครั้งแรก และต้องต่อสู้กับ “ปีศาจในใจ” ของตัวเองในสนามที่ขึ้นชื่อว่าไม่เคยเป็นมิตรกับเขาเลย
สถานการณ์ในสุดสัปดาห์นี้เปรียบเสมือน “โอกาสทอง” ที่หล่นลงมาตรงหน้าอเล็กซ์อย่างแท้จริง เมื่อบรรดาคู่แข่งคนสำคัญต่างพร้อมใจกันหลีกทางให้: มาร์ค มาร์เกซ พี่ชายผู้เป็นเจ้าพ่อสนามแห่งนี้ต้องพักรักษาตัว, ฆอร์เก้ มาร์ติน และ มาเวอริค บีญาเลส ก็ยังไม่พร้อมคัมแบ็ก, มาร์โก เบซเซคคี่ ก็ติดโทษดับเบิ้ลลองแล็ป และฟอร์มของ เป็คโก้ บันยาญ่า ก็ยังคงเป็นปริศนา
“เราเพิ่งผ่านสองสนามที่เหมือนเป็น ‘กาชาด’ ในปฏิทินของเรามา” อเล็กซ์กล่าว “แต่จากนี้ไป บนหน้ากระดาษแล้ว เรากำลังจะเข้าสู่สนามที่ดีกว่าสำหรับเรามาก โดยเฉพาะที่มาเลเซีย”
และเขาก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า การขาดหายไปของพี่ชาย คือปัจจัยสำคัญที่เปิดโอกาสให้ทุกคน
“เมื่อมาร์คไม่ได้อยู่ในสนามที่เลี้ยวซ้าย… ถ้ามาร์คอยู่ที่นี่ เปอร์เซ็นต์ชัยชนะ (ของคนอื่น) มันก็ลดลงไปเยอะแล้ว! การที่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ มันจะเปิดโอกาสในการลุ้นแชมป์ให้กว้างขึ้นมาก”
อย่างไรก็ตาม แม้โอกาสจะเปิดกว้าง แต่ “อาถรรพ์” ที่ฟิลลิป ไอส์แลนด์ ก็ยังคงเป็นเงาตามตัวเขาอยู่เสมอ สถิติในรุ่น MotoGP ของเขาที่นี่ไม่เคยน่าจดจำเลยแม้แต่ครั้งเดียว “ในปี 2022 มันก็ไม่ได้แย่นะ แต่ผมไปเกี่ยวเข้ากับมิลเลอร์ที่โค้งมิลเลอร์พอดี มันเลยไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดี!” เขาย้อนความหลัง “ส่วนปีที่แล้วผมก็ต้องรับโทษลองแล็ปอีก… เราจะพยายามพลิกโชคชะตาของตัวเองดูบ้าง เพราะนี่คือสนามที่บนหน้ากระดาษแล้วมันควรจะดีกับสไตล์ของผมมากๆ”
เหนือสิ่งอื่นใด เป้าหมายหลักของเขายังคงเป็นการการันตีตำแหน่ง “รองแชมป์โลก” ให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ปลดปล่อยตัวเองจากความกดดันและกลับไปขี่ได้อย่าง “อิสระ” เหมือนช่วงต้นฤดูกาลอีกครั้ง
“ผมอยากจะการันตีอันดับสองให้ได้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ผ่อนคลายและกลับไปขี่ได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนที่เคยทำในช่วงต้นซีซั่น”
สุดสัปดาห์นี้จึงเป็นมากกว่าแค่การแข่งขันเพื่อเก็บคะแนน แต่มันคือ “บทพิสูจน์” ครั้งสำคัญที่สุดของ อเล็กซ์ มาร์เกซ ว่าเขาจะสามารถก้าวข้าม “อาถรรพ์” ของตัวเอง, ยืนหยัดต่อสู้ได้ด้วยลำแข้งของตนเอง และเข้าใกล้เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพได้หรือไม่ ท่ามกลางสมรภูมิที่ไร้ซึ่งเงาของพี่ชายผู้เป็นตำนาน