ณ ชั่วโมงนี้ คงไม่มีทีมใดในโมโตจีพีที่จะร้อนแรงและเป็นที่พูดถึงมากไปกว่า BK8 Gresini Racing MotoGP อีกแล้ว ผลงานการคว้า “ดับเบิ้ลโพเดี้ยม” ครั้งประวัติศาสตร์ที่ อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ คือเครื่องยืนยันถึงช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทีม และเมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียด จะพบว่าความสำเร็จครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคช่วย แต่เกิดจากส่วนผสมที่ลงตัวของหลายปัจจัยที่กำลังส่งให้พวกเขากลายเป็นทีมที่น่าจับตามองที่สุดในสนาม
“เล็กพริกขี้หนู”: ผลงานที่ตอกหน้าทีมโรงงาน
ในฐานะทีมอิสระ (Independent Team) ที่ใช้รถ Ducati Desmosedici GP24 ซึ่งเป็นรถเวอร์ชั่นเก่ากว่าทีมโรงงาน แต่ Gresini Racing กลับสามารถต่อกรกับทีมชั้นนำได้อย่างไม่เป็นรอง ผลงานดับเบิ้ลโพเดี้ยมล่าสุดคือการตอกย้ำว่า ด้วยการบริหารจัดการทีมที่ยอดเยี่ยมและนักบิดที่มีคุณภาพ พวกเขาก็สามารถก้าวขึ้นมาท้าทายทีมยักษ์ใหญ่ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
อเล็กซ์ มาร์เกซ: ความคงเส้นคงวาที่กำลังจะได้รับรางวัล
หัวใจสำคัญของความสำเร็จในฤดูกาลนี้คือฟอร์มการขับขี่ที่สม่ำเสมอและเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดของ อเล็กซ์ มาร์เกซ เขากลายเป็นเสาหลักของทีมและกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดเพื่อตำแหน่งรองแชมป์โลก ซึ่งผลงานอันยอดเยี่ยมนี้กำลังจะได้รับการตอบแทนครั้งใหญ่ เมื่อมีข่าวยืนยันออกมาก่อนหน้านี้ว่า ในฤดูกาล 2026 เขาจะได้รับการอัปเกรดให้ใช้รถแข่งเวอร์ชั่นเดียวกับทีมโรงงาน (Factory Bike) ซึ่งถือเป็นการแสดงความเชื่อมั่นอย่างสูงสุดจาก Ducati
เฟร์มิน อัลเดเกอร์: “ปลดล็อก” สู่ดาวดวงใหม่
หากอเล็กซ์คือความสม่ำเสมอ, เฟร์มิน อัลเดเกอร์ ก็คือการระเบิดศักยภาพ ชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ที่มันดาลิกาคือการ “ปลดล็อก” อย่างเต็มตัวของรุกกี้มหัศจรรย์ผู้นี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดอาการแขนล้า (Arm Pump) เมื่อเดือนมิถุนายน และค่อยๆ พัฒนาฟอร์มการขับขี่ของตัวเองขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนสามารถคว้าชัยชนะมาครองได้ในที่สุด ซึ่งเป็นการประกาศศักดาของดาวดวงใหม่แห่งวงการอย่างแท้จริง
ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างนักบิดมากประสบการณ์ที่กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มที่ดีที่สุด กับดาวรุ่งที่เพิ่งค้นพบศักยภาพของตัวเอง ประกอบกับบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมภายในทีม จึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะกล่าวว่า นี่คือ “ยุคทอง” ของ Gresini Racing และน่าติดตามเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาจะสร้างเซอร์ไพรส์อะไรให้เราได้เห็นอีกในสนามที่เหลือของฤดูกาลนี้