ในยุคที่โซเชียลมีเดียกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมฟุตบอล ได้เกิดศัพท์และ “มีม” (Meme) ขึ้นมามากมายเพื่อใช้ในการวิจารณ์หรือล้อเลียนนักเตะ และหนึ่งในมีมที่กำลังเป็นที่นิยมและถูกใช้กับนักเตะใหม่ที่ฟอร์มสะดุดก็คือ “สายลับ 007”
“007” คือฉายาที่แฟนบอลในโลกออนไลน์มอบให้กับนักเตะใหม่ที่ลงเล่น 7 นัดแรกในลีกให้กับสโมสรแล้วยังไม่สามารถทำประตูหรือแอสซิสต์ได้เลย (0 ประตู, 0 แอสซิสต์) ซึ่งเป็นการล้อเลียนรหัสประจำตัวของสายลับชื่อดัง เจมส์ บอนด์
ที่มาของมีมนี้ไม่ชัดเจนนัก แต่มันเริ่มโด่งดังเป็นวงกว้างเมื่อ Sky Sports Germany สร้างกราฟิกตัดต่อภาพ เจดอน ซานโช่ ในชุดทักซิโด้พร้อมกับป้าย “007” เพื่อล้อเลียนฟอร์มอันฝืดเคืองของเขาในช่วงแรกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
และเหยื่อรายล่าสุดของมีมสุดโหดนี้ก็คือ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ แข้งค่าตัวสถิติสโมสรลิเวอร์พูล ที่ยังคงทำประตูหรือแอสซิสต์ไม่ได้เลยจากการลงเล่น 6 นัดแรกในพรีเมียร์ลีก
แม้ว่าการเริ่มต้นแบบ “007” จะดูน่าผิดหวัง แต่ประวัติศาสตร์ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันไม่ใช่ตัวชี้วัดคุณภาพของนักเตะในระยะยาวเลยแม้แต่น้อย
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ เธียร์รี่ อองรี ตำนานตลอดกาลของอาร์เซน่อล หากโซเชียลมีเดียมีอยู่ในปี 1999 เขาก็คงจะถูกเรียกว่า “สายลับ 007” เช่นกัน เพราะอองรีไม่สามารถทำประตูหรือแอสซิสต์ได้เลยใน 7 เกมแรกที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก แต่สุดท้ายเขาก็จบลงด้วยการเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรด้วยสถิติ 175 ประตู กับอีก 74 แอสซิสต์
นอกจากอองรีแล้ว ยังมีกองหน้าชื่อดังอีกมากมายที่เริ่มต้นได้ไม่ดีแต่กลับประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด เช่น มาเธอุส คุนญ่า ที่เคยถูกวิจารณ์อย่างหนักในช่วงแรกกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ก่อนจะกลายมาเป็นกำลังสำคัญของทีมได้ในเวลาต่อมา
การปรับตัวเข้ากับพรีเมียร์ลีกคือความท้าทายที่แท้จริง ข้อมูลจาก SkillCorner ชี้ว่าพรีเมียร์ลีกคือลีกที่มีการวิ่งด้วยความเข้มข้นสูง (High-intensity runs) มากกว่าลีกชั้นนำอื่นๆ ในยุโรป ซึ่งทำให้นักเตะใหม่ต้องใช้เวลาในการปรับสภาพร่างกายและความเร็วในการตัดสินใจ
ในทางกลับกัน การเริ่มต้นอย่างสวยหรูก็ไม่ได้การันตีความสำเร็จในระยะยาวเสมอไป ตัวอย่างเช่น ปาปิสส์ ซิสเซ่ (นิวคาสเซิ่ล), อาร์ม ซากี้ (วีแกน) หรือ มิชู (สวอนซี) ที่ระเบิดฟอร์มในช่วงแรกแต่ไม่สามารถรักษามันไว้ได้ หรือกรณีของ ฮาเมส โรดริเกซ ที่เริ่มต้นอย่างร้อนแรงกับเอฟเวอร์ตัน (6 ประตู+แอสซิสต์ใน 7 นัดแรก) แต่สุดท้ายก็แผ่วปลายและย้ายออกไปหลังจบฤดูกาลเดียว
โดยสรุปแล้ว มีม “007” คือผลผลิตของวัฒนธรรมโซเชียลมีเดียที่เน้นความเร็ว, การตัดสินแบบฉาบฉวย และไม่สนใจในบริบทที่ซับซ้อน การตัดสินนักเตะใหม่ควรใช้เวลาที่ยาวนานกว่านั้น และนักเตะอย่าง ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ก็สมควรที่จะได้รับเวลาและความอดทน มากกว่าการถูกตีตราด้วยฉายาที่มาจากความสนุกเพียงชั่วครู่ชั่วยาม