คำว่า “ล่าช้า” กลายเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงเสมอเมื่อเอ่ยถึงโครงการปรับปรุงสนาม คัมป์ นู ของ บาร์เซโลนา เนื่องจากความคืบหน้าที่ไม่เป็นไปตามแผน ทำให้สโมสรต้องหาทางเลือกอื่นสำหรับการใช้สนามเหย้าในช่วงต้นฤดูกาล
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บาร์ซ่า ลงเล่นเกมแรกในบ้านของซีซันใหม่ที่ เอสตาดี โยฮัน ครัฟฟ์ พร้อมถล่ม บาเลนเซีย 6-0 และเกมพบ เคตาเฟ วันที่ 21 กันยายนนี้ก็จะยังใช้สนามดังกล่าวต่อ หลังจากมีการยืนยันว่า คัมป์ นู จะยังไม่ได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดใช้งานทันเวลา
สิ่งที่ทีมยังไม่สามารถจัดการได้คือการขอ “ใบอนุญาตการใช้งานครั้งแรก” จากสภาเมือง เพื่อกลับมาเปิดสนามต้อนรับแฟนบอล 27,000 คน โดยจะเป็นการเปิดเฉพาะอัฒจันทร์ฝั่ง Tribuna และ Garda Sur (โซนหลังม้านั่งสำรองและด้านหลังประตูฝั่งทิศใต้)
ดาบิด เอสคูเด้ ผู้รับผิดชอบฝ่ายกีฬาในสภาเมือง กล่าวยอมรับว่าการปรับปรุง คัมป์ นู เป็นโครงการที่มีความซับซ้อน แต่ยืนยันว่าทุกฝ่ายกำลังทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้สโมสรกลับมาใช้สนามได้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม สาเหตุของการล่าช้าถูกอธิบายด้วยเพียงคำเดียวเท่านั้น – “ความปลอดภัย”
เขากล่าวกับสื่อ Betevé ว่า “คำสำคัญคือความปลอดภัย ไม่ว่าสนามใดในเมืองนี้หรือประเทศนี้จะต้องทำตามกฎระเบียบที่เคร่งครัด ไม่มีใครสามารถละเมิดข้อกำหนดด้านความปลอดภัยได้”
เอสคูเด้ ยังเสริมว่าเป็นเรื่องเข้าใจได้ที่ บาร์เซโลนา เคยประกาศวันกลับเข้าสู่สนามมาก่อนหน้านี้ เพราะความตื่นเต้นของสโมสรและแฟนบอล แต่โครงการที่ใหญ่ขนาดนี้ย่อมมีปัญหาที่คาดไม่ถึงเสมอ ทำให้วันกลับบ้านจริงยังคลุมเครือ
“คุณอาจตั้งวันกลับไว้ในใจ แต่ระหว่างนั้นอาจเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นนับพันครั้ง ซึ่งทำให้กำหนดการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ผมเข้าใจดีว่าทุกคนอยากกลับสู่บ้านของตัวเองให้เร็วที่สุด”
ตอนนี้ บาร์ซ่า ตั้งเป้าที่จะกลับมาใช้ คัมป์ นู ในเกมวันที่ 28 กันยายนพบ เรอัล โซเซียดาด หากทำสำเร็จ ก็มีโอกาสได้ใช้สนามในเกม ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่ต้องเจอ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง สามวันถัดมา แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้สูงที่เกมนั้นจะต้องไปเตะที่ เอสตาดี โอลิมปิก หลุยส์ กอมปานีส์ ต่อไป
ท้ายที่สุด แม้การกลับเข้าสู่ คัมป์ นู ดูเหมือนใกล้จะเกิดขึ้น แต่เส้นทางนี้ยังอีกยาว และยังไม่สามารถตัดปัญหาความล่าช้าออกไปได้