ภารกิจไล่ล่าถ้วย “บิ๊กเอียร์” ที่รอคอยมาทั้งประวัติศาสตร์สโมสรของ อาร์เซน่อล กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แต่กลับต้องเผชิญกับบททดสอบสุดหินตั้งแต่เกมนัดแรก เมื่อพวกเขาต้องยกพลบุกเยือน ซาน มาเมส รังเหย้าสุดอันตรายของ แอธเลติก บิลเบา ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม คืนวันอังคารนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) โดยปราศจาก 3 ผู้เล่นตัวหลักอย่าง บูคาโย่ ซาก้า, มาร์ติน โอเดการ์ด และ เบน ไวท์ ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ
การเดินทางกลับสู่แคว้นบาสก์ครั้งนี้มีความหมายเป็นพิเศษสำหรับกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า ซึ่งมีบ้านเกิดอยู่ที่เมืองซาน เซบาสเตียน ที่อยู่ไม่ไกลจากบิลเบามากนัก และยังเป็นการกลับมาเยือนถิ่นคู่ปรับของ เรอัล โซเซียดาด สโมสรที่เขาเคยค้าแข้ง รวมถึงเป็นสโมสรเก่าของลูกทีมคนปัจจุบันอย่าง โอเดการ์ด, มิเกล เมริโน่ และ มาร์ติน ซูบิเมนดี้ อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม อาร์เตต้า ยืนยันว่าความรู้สึกส่วนตัวต้องถูกวางไว้ข้างหลังเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของสโมสร นั่นคือการคว้าแชมป์ยุโรปให้ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ “ประวัติศาสตร์อันยาวนานของเราบอกให้รู้ว่ามันยากแค่ไหน เพราะเรายังไม่เคยคว้าแชมป์รายการนี้ได้เลย และนี่คือโอกาสของเรา” อาร์เตต้ากล่าว “ความกดดันคือโอกาสที่จะขับเคลื่อนพลังงานและความปรารถนาที่จะดีขึ้นในทุกๆ วัน”
กุนซือชาวสเปนยอมรับว่าบทเรียนจากการตกรอบรองชนะเลิศเมื่อฤดูกาลที่แล้ว สอนให้เขารู้ว่า “ความพร้อมของขุมกำลัง” ในช่วงเวลาสำคัญคือปัจจัยตัดสินแชมป์ “ฤดูกาลที่แล้ว เรามีผู้เล่นคนสำคัญบาดเจ็บ 8-9 คนในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย ซึ่งในระดับนี้มันเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่ง” ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้สโมสรทุ่มเงินมหาศาลในตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมาเพื่อสร้างทีมที่มีขนาดใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น
ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อพวกเขาต้องประเดิมเส้นทางยุโรปด้วยสภาพทีมที่ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดหายไปของกัปตันทีมอย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด ที่ดูเหมือนจะเจ็บซ้ำที่หัวไหล่จากเกมลีกนัดล่าสุดกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ซึ่งเป็นอาการบาดเจ็บลักษณะเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในเกมกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนที่แล้ว
ถึงกระนั้น อาร์เตต้ายังคงแสดงความเชื่อมั่นในขุมกำลังที่เหลืออยู่ ว่าจะสามารถรับมือกับบรรยากาศอันน่าเกรงขามของสนาม ซาน มาเมส และคว้าผลการแข่งขันที่ต้องการกลับออกมาได้ เพื่อเป็นการเริ่มต้นเส้นทางสู่ “ดินแดนแห่งพันธสัญญา” อย่างสวยงาม