7msport

ปลดแอก! วิเคราะห์แท็กติกมอยส์ ที่ปลุกชีพ แจ็ค กรีลิช ต่างจากยุคเป๊ป อย่างไร

เพียงไม่กี่สัปดาห์ในสีเสื้อ “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” แจ็ค กรีลิช ก็กลับมาเป็นนักเตะคนเดิมที่แฟนบอลอังกฤษเคยหลงรักอีกครั้ง การระเบิดฟอร์มทำไปแล้วถึง 4 แอสซิสต์ จากการลงเล่นเพียง 2 เกมเศษในพรีเมียร์ลีก คือตัวเลขที่มากกว่าผลงานของเขาตลอด 2 ฤดูกาลหลังสุดกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมกันเสียอีก คำถามสำคัญคือ นี่เป็นเพียงโชคช่วยในช่วงแรก หรือแท้จริงแล้ว “เดวิด มอยส์” ได้ค้นพบคู่มือการใช้งานที่ “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า” ไม่เคยเจอ?

“มันไม่เกี่ยวกับผมเลยสักนิด” มอยส์กล่าวอย่างถ่อมตนหลังเกมชนะวูล์ฟส์ “มันเกี่ยวกับตัวแจ็คเองและทัศนคติของเขาที่ต้องการจะดีขึ้น” แต่เมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียดทางแท็กติกแล้ว จะเห็นได้ว่า “อิสรภาพ” ที่มอยส์มอบให้ คือกุญแจสำคัญที่ปลดโซ่ตรวนซึ่งผูกมัดกรีลิชไว้ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม

เบื้องหลังตัวเลข: ความจริงที่ซ่อนอยู่ของ xA

ก่อนจะพูดถึงแท็กติก ต้องเข้าใจว่าฟอร์มของกรีลิชที่ซิตี้ไม่ได้ย่ำแย่ในแง่ของการสร้างสรรค์โอกาส สถิติ “Expected Assists (xA)” หรือ “ค่าเฉลี่ยการแอสซิสต์ที่ควรจะทำได้” ของเขายังคงอยู่ในระดับสูงเสมอมา ซึ่งตัวกรีลิชเองก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าทีมวิเคราะห์ของซิตี้เคยแสดงสถิติให้เขาดูว่า เขาได้สร้างโอกาสทองให้เพื่อนร่วมทีมมากมาย แต่จังหวะสุดท้ายไม่เป็นประตูเอง ซึ่งหมายความว่าเขาอาจจะโชคร้ายมากกว่าฟอร์มตก และการที่เขากลับมาทำแอสซิสต์ได้เป็นกอบเป็นกำกับเอฟเวอร์ตัน อาจเป็นเพียงการกลับคืนสู่ค่าเฉลี่ยที่ควรจะเป็น

อิสรภาพทางแท็กติก: ความแตกต่างระหว่าง “มอยส์” กับ “เป๊ป”

หัวใจสำคัญของการคืนฟอร์มครั้งนี้อยู่ที่บทบาทในสนาม ปรัชญาของเป๊ปที่ซิตี้คือ “การควบคุมเกมผ่านการครองบอล” ทุกคนต้องมีวินัยในตำแหน่งอย่างสูงเพื่อป้องกันการโต้กลับ กรีลิชจึงมักถูกจำกัดบทบาทให้เป็นเพียงตัวพักบอล ดึงคู่ต่อสู้ หรือจ่ายบอลคืนหลังอย่างปลอดภัยเพื่อรักษาโครงสร้างของทีมไว้ เขาไม่มี “ใบอนุญาตให้เสี่ยง”

ในทางกลับกัน ปรัชญาของมอยส์ที่เอฟเวอร์ตันคือ “การควบคุมเกมโดยไม่จำเป็นต้องครองบอล” ทีมจะยืนคุมโซนอย่างรัดกุมในแดนกลาง (Mid-block) และรอจังหวะโต้กลับเร็ว ซึ่งในสถานการณ์นี้เองที่กรีลิชได้กลายเป็น “ตัวระเบิด” ของทีม เขามีอิสระเต็มที่ในการเลี้ยงกินตัว เอาชนะคู่แข่ง และสร้างความแตกต่างในจังหวะทรานซิชั่น เขามี “ใบอนุญาตให้เสียบอล” ในพื้นที่อันตราย เพื่อแลกกับโอกาสในการสร้างสรรค์เกมรุกที่เฉียบคม

นอกจากนี้ การที่กรีลิชเป็นนักเตะที่เรียกฟาวล์ได้เก่งที่สุดคนหนึ่งในลีก (โดนทำฟาวล์ไปแล้ว 485 ครั้งนับตั้งแต่ฤดูกาล 2019-20) ยังเข้ากันได้ดีกับสไตล์ของเอฟเวอร์ตันที่อันตรายอย่างยิ่งในลูกตั้งเตะ การมาของเขาจึงเป็นเหมือนการติดอาวุธร้ายแรงให้กับทีมในทุกมิติ

บทสรุปในช่วงแรกของการเดินทางครั้งใหม่นี้ชัดเจนว่า การย้ายมาเอฟเวอร์ตันคือการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบระหว่างนักเตะกับสโมสร เดวิด มอยส์ ได้มอบความไว้วางใจและอิสระที่ แจ็ค กรีลิช โหยหามาตลอด และผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในสนามก็คือคำตอบที่ดีที่สุด ซึ่งหากเขายังรักษามาตรฐานนี้ไว้ได้ เสียงเรียกจาก โธมัส ทูเคิล ให้กลับไปติดธง “สิงโตคำราม” อีกครั้งในเดือนตุลาคม ก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม