7msport

เบื้องหลังตลาดซื้อขายที่วุ่นวายที่สุด: นิวคาสเซิ่ล เสีย “อิซัค” แต่ได้อะไรกลับมา?

“สู้จนหยดสุดท้าย” คือมนต์ที่ถูกท่องอยู่หลังม่านของสโมสรนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มาตลอดช่วงตลาดซื้อขายนักเตะที่แสนยาวนานและวุ่นวาย ก่อนที่ทุกอย่างจะปิดฉากลงอย่างดุเดือดสมคำร่ำลือ

บทสรุปของมหากาพย์ครั้งนี้คือการที่ “สาลิกาดง” จำใจต้องปล่อยตัว อเล็กซานเดอร์ อิซัค ดาวยิงคนสำคัญไปให้กับลิเวอร์พูลด้วยค่าตัวสถิติเกาะอังกฤษ 125 ล้านปอนด์ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ โยอัน วิสซ่า กองหน้าที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในพรีเมียร์ลีกมาจากเบรนท์ฟอร์ดด้วยค่าตัว 55 ล้านปอนด์เข้ามาแทนที่

ณ ตอนนี้ แฟนบอลในไทน์ไซด์อาจโล่งใจที่ได้กองหน้าฝีเท้าดีเข้ามาแบ่งเบาภาระของ นิค โวลเทเมด เจ้าของสถิติสโมสรที่ยังต้องปรับตัวกับลีกใหม่ แต่ในอีกมุมหนึ่ง พวกเขาก็ต้องยอมรับความจริงอันน่าเจ็บปวดที่ว่า ได้เสียหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกไปให้กับทีมแชมป์ในวันสุดท้ายของตลาด

นี่คือซัมเมอร์ที่ไม่เหมือนครั้งไหนในประวัติศาสตร์สโมสรอย่างแท้จริง

มหากาพย์อิซัค: รอยร้าวที่ยากจะประสาน

แน่นอนว่าการเสีย อิซัค ไม่เคยอยู่ในแผนการทำทีม นิวคาสเซิ่ลมีความทะเยอทะยานที่จะก้าวขึ้นไปท้าชิงแชมป์กับลิเวอร์พูล ไม่ใช่การขายนักเตะที่ดีที่สุดของตัวเองไปให้คู่แข่งโดยตรง แต่สถานการณ์กลับบีบคั้นจนเกินจะต้านทาน

หลังจากที่ลิเวอร์พูลยื่นข้อเสนอแรก 110 ล้านปอนด์และถูกปฏิเสธ บรรยากาศรอบตัวอิซัคก็เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ การที่นักเตะไม่มีส่วนร่วมกับทีมในช่วงต้นฤดูกาล พร้อมกับการออกแถลงการณ์ที่สร้างความสั่นสะเทือนว่า “การเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย” ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง แฟนบอลเริ่มแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน และเกิดคำถามขึ้นว่าหากดีลไม่เกิดขึ้น จะสามารถดึงหัวใจของดาวยิงชาวสวีเดนกลับมาได้อีกหรือไม่?

การยอมขายในวันสุดท้าย แม้จะดูเป็นการเสียหน้า แต่ก็อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มูลค่าของนักเตะลดลงไปมากกว่านี้ และเพื่อยุติ “รสชาติอันขมขื่น” ที่เกิดขึ้นกับทุกฝ่าย

บทเรียนราคาแพงและการปรับกลยุทธ์

ซัมเมอร์นี้เป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับนิวคาสเซิ่ล พวกเขาพลาดเป้าหมายสำคัญหลายรายที่เลือกย้ายไปอยู่กับสโมสรที่มี “มรดก” และโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่งกว่า สิ่งนี้ทำให้สโมสรต้องปรับกลยุทธ์ หันมาให้ความสำคัญกับการดึงดูดผู้เล่นที่ “ต้องการ” ย้ายมาอยู่กับทีมอย่างแท้จริง เหมือนเช่นที่เคยประสบความสำเร็จกับ บรูโน่ กิมาไรส์ หรือ คีแรน ทริปเปียร์

การเซ็นสัญญากับ วิสซ่า, โวลเทเมด และผู้เล่นคนอื่นๆ ในช่วงท้าย แสดงให้เห็นถึงการทำงานที่รวดเร็วและเป็นความลับมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากการไล่ล่าเป้าหมายแบบเปิดเผยในอดีต

การเปลี่ยนแปลงในบอร์ดบริหารและอนาคตทางการเงิน

ท่ามกลางความวุ่นวายในสนาม นอกสนามนิวคาสเซิ่ลก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อต้องดำเนินงานโดยไม่มีผู้อำนวยการกีฬาและซีอีโอ ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม สโมสรได้แต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลเข้ามาเพื่อปรับปรุงกระบวนการสรรหานักเตะให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในด้านการเงิน ผู้เชี่ยวชาญอย่าง คีแรน แมไกวร์ เปรียบเทียบการขายอิซัคว่าคล้ายกับตอนที่ แอสตัน วิลล่า ขาย แจ็ค กรีลิช ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเงินก้อนโตที่ได้มานี้จะช่วยให้นิวคาสเซิ่ลมีความยืดหยุ่นทางการเงินภายใต้กฎ Profit and Sustainability Rules (PSR) และสามารถนำไปลงทุนกับทีมได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยในอนาคต

บัดนี้ ชีวิตหลังยุคของอิซัคได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และคำตอบของทุกคำถาม จะถูกตัดสินในสนามแข่งขันนับจากนี้ไป