คริสตัล พาเลซ ผงาดคว้าแชมป์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบครึ่งศตวรรษ หลังเอาชนะ ลิเวอร์พูล ด้วยการดวลจุดโทษที่สนาม เวมบลีย์ ในเกมที่ทัพ “พญาอินทรี” เจ้าของถ้วย เอฟเอ คัพ ฉลองความสำเร็จอีกครั้งที่บ้านแห่งฟุตบอลของอังกฤษ
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ คริสตัล พาเลซ กลายเป็นทีมหน้าใหม่ที่ได้ชูถ้วย คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ครั้งแรกในรอบ 47 ปี นับตั้งแต่ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ เคยทำได้เมื่อปี 1978 และยังทำให้ ลิเวอร์พูล ขยับเข้าใกล้สถิติไม่พึงประสงค์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฐานะทีมที่จบรองแชมป์มากที่สุด โดย “หงส์แดง” เข้าป้ายอันดับสองแล้วถึง 9 ครั้ง เป็นรองเพียง “ปีศาจแดง” ที่ทำไว้ 10 ครั้ง
เกมนี้เริ่มต้นเพียง 4 นาที ลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นนำก่อนจาก อูโก เอกิติเก้ กองหน้าตัวใหม่ แต่ ฌ็อง-ฟิลิปป์ มาแตต้า ยิงจุดโทษตีเสมอให้ คริสตัล พาเลซ ก่อนที่ เยเรมี ฟริมปง และ อิสไมลา ซาร์ จะช่วยให้สกอร์เสมอ 2-2 เมื่อครบ 90 นาที ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ
ช่วงชี้ชะตา จัสติน เดเวนนี ยิงจุดโทษลูกสุดท้ายเข้าไปอย่างเฉียบขาด พา คริสตัล พาเลซ คว้าชัย 3-2 ในการดวลโทษ หลัง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ยิงพลาด
สามเดือนหลังจากคว้าถ้วย เอฟเอ คัพ, ทัพ “พญาอินทรี” ภายใต้การคุมทีมของ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ก็สร้างความยิ่งใหญ่ต่อเนื่อง ขณะที่ ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทัพของ อาร์เน่ สลอต ต้องกลับบ้านมือเปล่าก่อนเปิดฤดูกาล พรีเมียร์ลีก
หลังจบเกม อาร์เน่ สลอต ให้สัมภาษณ์กับ TNT Sports ว่า “มันน่าผิดหวังนะ เราออกนำก่อนแต่ไม่สามารถเก็บชัยได้ เกมสูสีมาก และมีจังหวะที่ผมคิดว่าเราจะปิดเกมได้ แต่สุดท้ายต้องไปตัดสินที่จุดโทษ และพวกเขาทำได้ดีกว่า”
ด้าน โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ กล่าวชื่นชมลูกทีมว่า “ผมชอบความรู้สึกนี้ ต้องขอบคุณนักเตะทุกคน เรากลับมาสู่เกมและปิดบัญชีได้ด้วยจุดโทษ เราเล่นได้สูสี ลิเวอร์พูล และนี่คือฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ผมภูมิใจกับทีม”
เดเวนนี ผลผลิตจากอะคาเดมีของสโมสร ได้รับคำชมเป็นพิเศษจากกุนซือ หลังเจ้าตัวอาสายิงลูกตัดสินเอง “จัสตินบอกผมว่า ‘ผมจะยิง ผมขอยิงลูกสุดท้าย’ ผมชอบความมั่นใจและความมุ่งมั่นของเขา เขาจะได้ลงสนามอีกมากในฤดูกาลนี้”