เซอร์แกเร็ธ เซาธ์เกต ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ “อัศวิน” ณ ปราสาทวินด์เซอร์ หลังจากได้รับการเชิดชูเกียรติในรายชื่อผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปีใหม่ “เซอร์แกเร็ธ” ได้รับการยกย่องในฐานะผู้ทำคุณประโยชน์แก่ วงการฟุตบอล และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์อย่างเป็นทางการจาก เจ้าชายวิลเลียม ในวันนี้
เซาธ์เกต วัย 54 ปี ได้พลิกโฉมทีมชาติอังกฤษในฐานะผู้จัดการทีมระหว่างปี 2016 ถึง 2024 โดยนำทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศรายการใหญ่ถึงสองครั้ง อดีตกองหลังคริสตัล พาเลซ และมิดเดิลสโบรห์ นำทีมชาติอังกฤษเข้าชิงชนะเลิศทั้งยูโร 2020 และยูโร 2024 แต่ต้องผิดหวังพ่ายแพ้ในด่านสุดท้ายทั้งสองครั้ง
ขณะที่ความพยายามของเขาในการคุมทีม “สิงโตคำราม” ในฟุตบอลโลก ทีมชาติอังกฤษตกรอบรองชนะเลิศในปี 2018 และตกรอบก่อนรองชนะเลิศในปี 2022 โดยรวมแล้ว เซาธ์เกตคุมทีมชาติอังกฤษ 102 นัด ชนะ 64 เสมอ 20 และแพ้เพียง 18 นัด
ความรู้สึกของเซอร์แกเร็ธ และอนาคตหลังการอำลาทีมชาติ
เซาธ์เกตดูสง่างามขณะที่เขาย่อเข่าแสดงความเคารพต่อเจ้าชายวิลเลียม ซึ่งทรงเป็นผู้อุปถัมภ์และอดีตประธานสมาคมฟุตบอลอังกฤษ โดยสวมชุดสูทสีดำทักซิโดและเนกไทสีแดง
ในการแสดงความรู้สึกต่อเกียรติยศที่ได้รับ เซาธ์เกต ซึ่งเคยได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ OBE ในปี 2019 ในฐานะผู้ทำคุณประโยชน์แก่วงการฟุตบอล กล่าวว่า: “ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมาก ผมรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งนี้”
“คำพูดแทบจะอธิบายไม่ได้เลย มันเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน”
เซาธ์เกตเคยได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ OBE สำหรับการทำคุณประโยชน์แก่วงการฟุตบอลในรายชื่อผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปีใหม่ 2019
ผู้จัดการทีมชาววัตฟอร์ดรายนี้อำลาตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติอังกฤษเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว เพียงสองวันหลังจากที่ทีมชาติอังกฤษต้องพบกับความผิดหวังในนาทีสุดท้ายด้วยน้ำมือของสเปนในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป
เขาถูกแทนที่โดย โธมัส ทูเคิล อดีตผู้จัดการทีมเชลซีและบาเยิร์น มิวนิค ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์จากการพ่ายแพ้ 3-1 ต่อเซเนกัลในเกมที่สี่ที่เขารับผิดชอบ
เซาธ์เกตเคยเป็นตัวแทนของทีมชาติอังกฤษในฐานะผู้เล่นเช่นกัน โดยลงสนามให้ประเทศชาติ 57 นัดระหว่างปี 1995 ถึง 2004 โดยเล่นให้กับ “สิงโตคำราม” ในฟุตบอลโลกและฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป
เขาเป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษคนที่สี่ที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ “อัศวิน” ต่อจาก เซอร์วอลเตอร์ วินเทอร์บอตทอม, เซอร์อัลฟ์ แรมซีย์ และ เซอร์บ็อบบี้ ร็อบสัน
เดวิด เบ็คแฮม ตำนานทีมชาติอังกฤษ ก็เตรียมที่จะได้รับบรรดาศักดิ์ “เซอร์” เช่นกัน หลังจากที่ SunSport ได้เปิดเผยข่าวพิเศษว่าเขาจะได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ “อัศวิน” ในงานเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เบ็คแฮม วัย 50 ปี ปรารถนาที่จะได้รับบรรดาศักดิ์ “อัศวิน” มานานแล้ว หลังจากที่เขาได้ทำคุณประโยชน์แก่วงการฟุตบอลที่สวยงาม
อนาคตการคุมทีม และความรู้สึกที่ไม่คิดถึงงานทีมชาติ
เซาธ์เกตมีข่าวเชื่อมโยงกับการกลับมาคุมทีมอีกครั้งนับตั้งแต่แยกทางกับทีมชาติอังกฤษเมื่อปีที่แล้ว มีข่าวลือว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้สมัครที่จะมาแทนที่ เอริค เทน ฮาก ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่ “ปีศาจแดง” จะตัดสินใจแต่งตั้ง รูเบน อโมริม
ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานสมาคมฟุตบอลโปแลนด์เปิดเผยว่าพวกเขาได้ปฏิเสธโอกาสที่จะนำเซาธ์เกตมาเป็นผู้จัดการทีมชาติ
เมื่อพูดคุยกับ Przeglad Sportowy หนังสือพิมพ์โปแลนด์ คูเลซ่า กล่าวถึงเซาธ์เกตว่า: “เราได้รับข้อเสนอให้จ้างเขา”
“แต่เราต้องจำสิ่งพื้นฐานอย่างหนึ่งไว้ ไม่มีโค้ชต่างชาติคนใดที่จะให้การรับประกันว่าเราจะผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลกได้”
“ถ้าเขาให้การรับประกันเช่นนั้น ผมจะจ้างเขาทันที”
เซาธ์เกตยอมรับว่าเขาไม่คิดถึงงานคุมทีมชาติอังกฤษ
เมื่อพูดคุยกับ BBC หลังจากได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ “อัศวิน” เขากล่าวว่า: “มันแปลกนิดหน่อย (การได้ดูทีม) แต่ผมก็ไม่คิดถึงมันเลย” “ผมคิดว่ามันสำคัญที่ผมจะอยู่บนโซฟาและไม่ไปขวางทางพวกเขา ตอนนี้มันเป็นหน้าที่ของพวกเขาแล้ว และผมคิดว่ามันสำคัญที่ผมจะให้พื้นที่กับทีมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“มันยากที่จะอธิบาย เพราะจนกว่าน้ำหนักนั้นจะหายไป คุณก็ไม่จำเป็นต้องตระหนักถึงมันเลยในแต่ละวันทุกชั่วโมงในแต่ละวันของผมคือการคิดว่าผมจะทำให้ทีมชาติอังกฤษดีขึ้นได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้นกับผู้เล่น เราจะทำสิ่งต่างๆ ให้แตกต่างไปจากเดิมได้อย่างไร”