“6 นาทีแห่งความบ้าคลั่ง” เชลซีพังพินาศต่อหน้าฟลาเมงโก้, นิโคลัส แจ็คสัน ถูกไล่ออก และคำถามถึงอนาคตของทีมภายใต้ เอ็นโซ่ มาเรสก้า
เกิดอะไรขึ้นกับเชลซี? ไม่ใช่แค่ในศึกชิงแชมป์สโมสรโลกที่กำลังจะตกรอบ แต่ยังรวมถึงอนาคตในฤดูกาลหน้าด้วย และมันบอกอะไรเกี่ยวกับทัศนคติของนักเตะและกุนซืออย่าง เอ็นโซ่ มาเรสก้า ที่ทีมพังทลายลงอย่างง่ายดาย?
ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วง “6 นาทีแห่งความบ้าคลั่ง” ที่เต็มไปด้วยความไร้วินัย ซึ่งเชลซีเสีย 2 ประตูรวด พลิกจากนำ 1-0 เป็นตามหลัง และตัวสำรองอย่าง นิโคลัส แจ็คสัน ก็ถูกไล่ออกอย่างสมควรจากจังหวะเข้าสกัดที่น่าเกลียดสุดๆ แต่ความจริงแล้ว ต้องยอมรับว่าพวกเขาถูกฟลาเมงโก้เล่นงานจนโงหัวไม่ขึ้นตลอดทั้งเกม
แจ็คสัน เพิ่งถูกส่งลงสนามมาแทน เลียม ดีแลป ได้เพียง 4 นาที ก่อนที่เชลซีจะเสียความได้เปรียบไปจากความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเกมรับ แม้ผู้ตัดสินจะแจกใบเหลืองง่ายตลอดเกม แต่ใบแดงของแจ็คสันนั้นไม่มีข้อโต้แย้ง และมันทำให้เกิดคำถามถึงวุฒิภาวะของเขาอีกครั้ง
นี่คือใบแดงที่ 6 ในอาชีพของแจ็คสันในวันเกิดครบรอบ 24 ปีของเขา และเป็นใบแดงที่ 2 ในรอบ 4 เกม ซึ่งจะทำให้เขาถูกแบนอัตโนมัติ 1 นัด และมีแนวโน้มสูงที่ฟีฟ่าจะสั่งเพิ่มโทษแบนอีก ทำให้เขาหมดสิทธิ์ลงเล่นในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มและอาจจะปิดฉากทัวร์นาเมนต์นี้ไปโดยปริยาย
ด้านกองหน้าเจ้าปัญหาได้ออกมาขอโทษผ่านแถลงการณ์ว่า: “ผมอยากกล่าวคำขอโทษต่อสโมสร, สตาฟฟ์, เพื่อนร่วมทีม และแฟนบอลทุกคน ผมทำให้พวกคุณผิดหวัง ผมทำงานหนักทุกวันเพื่อช่วยทีม ไม่ใช่เพื่อทำให้ทีมตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ผมขอรับผิดชอบทั้งหมด และจะกลับมาแข็งแกร่งขึ้นเพื่อสโมสรแห่งนี้ ขอโทษครับ”
แทคติกของมาเรสก้าที่ผิดพลาดมหันต์
สำหรับ เอ็นโซ่ มาเรสก้า นี่คือฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ของเขาเช่นกัน เขาต้องกลับมาพิจารณาตัวเองและแทคติกที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง มันคือความน่าอับอายที่เขาดูเหมือนจะประเมินคู่แข่งต่ำเกินไป
มาเรสก้าเลือกที่จะทดลองทีมอย่างไม่ถูกเวลา ด้วยการส่งกัปตันทีม รีซ เจมส์ ไปเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งเจ้าตัวก็มีปัญหาและเสียบอลง่ายๆ หลายครั้ง เช่นเดียวกับการขยับ โคล พาลเมอร์ ไปเล่นทางขวา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าดาวเตะทีมชาติอังกฤษไม่พอใจกับบทบาทนี้
“เราพยายามทำบางสิ่งที่แตกต่าง ฟลาเมงโก้สมควรชนะแล้ว ยินดีกับพวกเขาด้วย” มาเรสก้ากล่าว แต่คำถามคือ ทำไมเขาถึงมาทดลองทีมในทัวร์นาเมนต์สำคัญเช่นนี้?
ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ทำให้เชลซีมีแนวโน้มที่จะต้องเจองานสุดหินในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยการพบกับ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งตรงกันข้ามกับการเป็นแชมป์กลุ่มที่จะได้เจอกับคู่แข่งที่เบากว่าอย่าง โบคา จูเนียร์ส หรือ เบนฟิก้า