โดมินิค โซบอสซ์ไล คือคนแรกที่ยอมรับว่าเขาทำผิดพลาดไปในช่วงฤดูกาลแรกกับ ลิเวอร์พูล และเมื่อเข้าสู่แคมเปญที่สองได้ไม่กี่สัปดาห์ กองกลางชาวฮังการีก็ให้คำมั่นว่าจะไม่ทำผิดซ้ำสอง ซึ่งบทเรียนดังกล่าวได้ส่งผลให้เขากลายเป็นกำลังสำคัญพาทีมประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
“ปีที่แล้วผมพูดเรื่องแชมป์และทุกอย่างมากเกินไป และแน่นอนว่าเราคว้ามาได้หนึ่งถ้วย และเราก็มีโอกาสที่จะอยู่ในจุดนั้นจนเกือบจะถึงที่สุด” เขากล่าว “แต่ตอนนี้เราจะมองไปทีละเกม”
ทัศนคติที่มุ่งมั่นดังกล่าวไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อตัวผู้เล่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึง ลิเวอร์พูล ด้วย เมื่อภายใต้การคุมทีมของเฮดโค้ชคนใหม่อย่าง อาร์เน่อ สล็อต ทัพ “หงส์แดง” ก็ทะยานคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 มาครองได้สำเร็จ
โซบอสซ์ไล กลายเป็นศูนย์กลางของความสำเร็จนั้น แม้ว่าเช่นเดียวกับฤดูกาลก่อนหน้า เขาจะประสบปัญหาความเหนื่อยล้าในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลอยู่บ้าง คล้ายกับผู้เล่นคนอื่นๆ อีกหลายคน ดาวเตะทีมชาติฮังการีได้รับประโยชน์จากความชัดเจนในบทบาทของเขา หลังจากที่ สล็อต บอกกับเขาว่าจะต้องแข่งขันกับ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ สำหรับตำแหน่งหมายเลข 10 เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนแท็กติกมาเป็นระบบ 4-2-3-1
แม้ว่า โซบอสซ์ไล จะได้ลงเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับในช่วงปรีซีซั่น แต่เขาก็สามารถเอาชนะในการแย่งตำแหน่งตัวจริงในบทบาทตัวรุกสำหรับเกมนัดเปิดสนามพรีเมียร์ลีกที่พบกับ อิปสวิช ทาวน์ ทีมน้องใหม่ ซึ่งในเกมนั้นเขาสามารถสร้างสรรค์ประตูให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ และอีกหนึ่งแอสซิสต์ในเกมที่ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 ในอีกสองสัปดาห์ต่อมา ก็ช่วยตอกย้ำตำแหน่งของเขาในทีม โดย โซบอสซ์ไล ได้ลงเล่นในเกมลีกไปทั้งหมด 36 นัดที่เขาสามารถลงสนามได้ และเป็นตัวจริงถึง 29 นัด
ดาวเตะวัย 24 ปี ตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องของ สล็อต ที่ต้องการผลงานที่มากขึ้น ด้วยการทำประตูในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกที่บุกไปชนะ เอซี มิลาน 3-1 เมื่อเดือนกันยายน และปิดฉากฤดูกาลได้อย่างแข็งแกร่งด้วยผลงาน 1 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์ใน 5 เกมสุดท้าย ทำให้จบฤดูกาลด้วยสถิติ 8 ประตู กับ 9 แอสซิสต์
แต่ก็มีบางช่วงที่สไตล์การเล่นที่เต็มไปด้วยพลังงานและความรับผิดชอบในการนำทีมเพรสซิ่ง ทำให้ โซบอสซ์ไล ดูอ่อนล้าลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมที่พ่ายแพ้ต่อ ฟูแล่ม แม้ว่าเขาจะทำประตูและแอสซิสต์ได้ในเกมที่บุกไปชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 6-3 ก่อนช่วงคริสต์มาส แต่เกมที่ดีที่สุดของ โซบอสซ์ไล อาจจะเป็นเกมที่มีส่วนร่วมคล้ายๆ กันในชัยชนะ 2-0 ที่บ้านของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งในเกมนั้นเขาไม่ได้เล่นในตำแหน่งหมายเลข 10 แต่ถูกโยกไปเล่นคู่กับ เคอร์ติส โจนส์ ในบทบาทกองหน้าตัวหลอก (false nine)
และช่วงเวลาที่เขาถูกถอยลงไปเล่นในบทบาทที่ต่ำลงในเกมนัดรองสุดท้ายที่พบกับ ไบรท์ตัน ก็อาจเป็นการบอกใบ้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับ โซบอสซ์ไล ในอนาคต เมื่อพิจารณาถึงการมาถึงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของ โฟลเรียน เวิร์ตซ์ จาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในฐานะตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับตำแหน่งหมายเลข 10
ความสามารถรอบด้านของ โซบอสซ์ไล หมายความว่าเขาเคยประสบความสำเร็จในการลงเล่นในตำแหน่งกองกลางทั้งสามบทบาทแล้วตลอดสองปีที่อยู่กับสโมสร นั่นจะทำให้เขาอยู่ในสถานะที่ดีสำหรับฤดูกาลหน้าที่คาดว่าจะต้องวุ่นวายอีกครั้งสำหรับไดนาโมในแดนกลางของลิเวอร์พูล