ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตู คริสตัล พาเลซ โชว์ฟอร์มฮีโร่เซฟอุตลุดพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ด้วยการเฉือนชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 อย่างไรก็ตาม มีจังหวะปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นในครึ่งแรก เมื่อเขารอดพ้นจากการถูกลงโทษ แม้จะดูเหมือนว่าใช้มือนอกกรอบเขตโทษและอาจเป็นการปฏิเสธโอกาสในการทำประตูของคู่แข่งอย่างชัดเจน เหตุการณ์นี้จุดประกายให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางถึงความถูกต้องของการตัดสินใจของผู้ตัดสินและ VAR
เกิดอะไรขึ้น?
ในจังหวะที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ กองหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังจะวิ่งตามบอลยาว เฮนเดอร์สัน ออกมาตัดบอลนอกกรอบเขตโทษ และดูเหมือนว่าจะใช้มือปัดบอลออกไปจากเท้าของดาวยิงซิตี้ ทำให้โอกาสในการลุ้นประตูของทีม “เรือใบสีฟ้า” สิ้นสุดลง สจวร์ต แอ็ตต์เวลล์ ผู้ตัดสินในสนาม ไม่ได้ให้สัญญาณว่ามีการทำฟาวล์และไม่ได้มีการลงโทษใดๆ เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม VAR ได้ส่งสัญญาณว่าอาจมีการทำฟาวล์เกิดขึ้นและได้ทำการตรวจสอบ แต่หลังจากการพิจารณาอย่างละเอียด VAR ตัดสินใจยืนตามคำตัดสินในสนาม
Dean Henderson handball outside his box – 24′ (checked and cleared)
VAR OFFICIAL STATEMENT: “The direction of play is going to the wide area, away from goal.” pic.twitter.com/P809NSrNpp
— Klipeleven.com (@Klip11com) May 17, 2025
ประเด็นสำคัญคือ VAR ไม่มีอำนาจในการให้ใบเหลืองย้อนหลัง ดังนั้นการตัดสินใจจึงมีเพียงแค่ว่าจะเป็นใบแดงหรือไม่เท่านั้น และเพื่อตอกย้ำความไม่เชื่อสายตาของฝั่งซิตี้ เพียงไม่กี่นาทีหลังจากจังหวะปัญหาระหว่าง เฮนเดอร์สัน และ ฮาแลนด์ ผู้รักษาประตูพาเลซคนเดิมก็มาเซฟจุดโทษของ โอมาร์ มาร์มูช ช่วยให้ทีมยังคงนำอยู่ 1-0 หลังสิ้นเสียงนกหวีด เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ เฮนเดอร์สัน ถูกจับภาพได้ว่ามีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างตรงไปตรงมา
คำตัดสินของผู้ตัดสิน: ถูกต้องแล้ว – บอลกำลังเคลื่อนที่ออกจากประตู
ดีน เฮนเดอร์สัน มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ครั้งนี้ และการที่เขายังคงอยู่ในสนามถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างยิ่ง
สจวร์ต แอ็ตต์เวลล์ และทีมงานผู้ตัดสินในสนามพลาดที่ไม่ได้ให้ฟาวล์ในจังหวะที่ เฮนเดอร์สัน ใช้มือนอกกรอบเขตโทษ นี่คือความผิดพลาด อย่างไรก็ตาม เมื่อ VAR แจ้งว่ามีการทำฟาวล์เกิดขึ้น กระบวนการที่ถูกต้องก็ได้ถูกนำมาใช้ กฎกติกาของเกมฟุตบอลในการพิจารณาการปฏิเสธโอกาสในการทำประตูอย่างชัดเจน (Denial of an Obvious Goal-Scoring Opportunity – DOGSO) จะดูจากปัจจัย 4 ประการ ได้แก่:
- ระยะห่างระหว่างจุดที่ทำฟาวล์กับประตู
- ทิศทางการเล่นโดยรวม
- ความเป็นไปได้ในการครองบอลหรือควบคุมบอลต่อไป
- ตำแหน่งและจำนวนของผู้เล่นฝ่ายป้องกัน
ประเด็นสำคัญในกรณีนี้คือ ทิศทางการเล่นกำลังมุ่งหน้าออกจากประตู ดังนั้นจึงไม่เข้าข่ายการทำฟาวล์ที่จะต้องเป็นใบแดง
ใช่ ในตอนแรกควรจะมีการให้ฟรีคิกและใบเหลือง แต่เมื่อเหตุการณ์ถูกตรวจสอบโดย VAR แล้ว การไม่ลงโทษเพิ่มเติมถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
ความเห็นจากกูรูลูกหนัง
ทางฝั่ง บีบีซี, เวย์น รูนี่ย์ และ ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ต่างก็แสดงความเห็นอย่างหนักแน่นว่า ดีน เฮนเดอร์สัน ควรจะถูกไล่ออก
เวย์น รูนี่ย์: “มันเป็นใบแดง 100% ฮาแลนด์กำลังจะแตะบอลหลบเขา อย่างที่เราเห็นตรงนี้ เขาปัดบอลออกไป พวกเขาพลาดได้อย่างไร?”
ไมกาห์ ริชาร์ดส์: “ไม่มีข้อโต้แย้ง มันคือใบแดง จะพูดถึงกฎอะไรก็ตามแต่…”
แกรี่ ลินิเกอร์ ตั้งข้อสังเกตว่า เนื่องจากฮาแลนด์ไม่ได้เคลื่อนที่เข้าหาประตูโดยตรง มันจึงไม่ใช่โอกาสในการทำประตูที่ชัดเจน ซึ่งรูนี่ย์ตอบโต้ว่า: “เอากฎ VAR ออกไปเลย พวกเขาทำพลาดแล้วตอนนี้ก็พยายามจะปกปิดความผิดของเพื่อนในสนาม มันคือใบแดง ทุกคนเห็นว่ามันเป็นใบแดง ดูเรื่องไร้สาระพวกนี้สิ”
ทางฝั่ง ITV ผู้เชี่ยวชาญก็สับสนเช่นกันว่าทำไม เฮนเดอร์สัน ถึงไม่ถูกไล่ออก
สรุปแล้ว เฮนเดอร์สัน ควรถูกไล่ออกหรือไม่?
จากกฎกติกา แม้ว่าการตัดสินในสนามเบื้องต้นจะผิดพลาดที่ไม่ให้ฟาวล์และใบเหลือง แต่เมื่อ VAR เข้ามาตรวจสอบ การพิจารณาว่าไม่ใช่ใบแดงเนื่องจากทิศทางการเล่นไม่ได้มุ่งตรงไปยังประตู ถือเป็นการตัดสินที่ถูกต้องตามหลักการของ DOGSO แม้จะสร้างความขัดใจให้กับแฟนบอลและผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ตาม จังหวะนี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำงานของ VAR และการตีความกฎกติกาในสนามแข่งขันจริง