เชลซี ก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ได้สำเร็จ หลังจากบุกไปคว้าชัยชนะอย่างสวยงามเหนือ เยอร์การ์เดนส์ 4-1 ในเกมนัดแรก รอบรองชนะเลิศ ที่ประเทศสวีเดน
เจดอน ซานโช่ และ โนนี่ มาดูเอเก้ ช่วยกันทำประตูในครึ่งแรก ช่วยให้ “สิงห์บลูส์” คลายความกดดันในการเผชิญหน้ากับคู่แข่งจากสวีเดน ก่อนที่ตัวสำรองอย่าง นิโคลัส แจ็คสัน จะมาเหมาสองประตูในครึ่งหลังตอกย้ำชัยชนะ แม้ว่าเจ้าบ้านจะมาได้ประตูปลอบใจจาก อิซัค อเลมาเยฮู ดาวรุ่งวัย 18 ปี ซึ่งเป็นประตูแรกในอาชีพค้าแข้งของเขา
เอ็นโซ่ มาเรสก้า บอสใหญ่ เชลซี ตัดสินใจพักผู้เล่นตัวหลักถึง 8 คนในเกมนี้ ก่อนเกม พรีเมียร์ลีก นัดสำคัญที่จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของแชมป์ทีมล่าสุดอย่าง ลิเวอร์พูล ในวันอาทิตย์ แต่การเปลี่ยนแปลงทีมก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นแต่อย่างใด พวกเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างเหนือกว่า และน่าจะมั่นใจในการปิดจ็อบในเกมนัดที่สองที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ วันพฤหัสบดีหน้า
หาก เชลซี คว้าแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ พวกเขาจะกลายเป็นสโมสรแรกที่คว้าแชมป์ยุโรปครบทั้ง 3 รายการหลัก (แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูโรปาลีก, คอนเฟอเรนซ์ ลีก)
แม้แฟนบอลเจ้าถิ่นจะสร้างบรรยากาศต้อนรับ เชลซี ด้วยการแสดง Tifo สุดอลังการที่ 3Arena แต่ทีมเยือนก็เป็นฝ่ายได้ประตูขึ้นนำก่อนจาก ซานโช่ เพียงแค่นาทีที่ 12 จากจังหวะที่ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ตักบอลไปเสาสองให้ปีกตัวยืมพักอกก่อนจะแปเข้าไปตุงตาข่าย โดยได้ความช่วยเหลือจากการสกัดพลาดของ มาร์คุส ดาเนียลสัน กองหลังเจ้าถิ่น
สนามหญ้าเทียม ซึ่งเป็นประเด็นที่ มาเรสก้า กังวลก่อนเกม ดูเหมือนจะไม่เป็นอุปสรรคต่อทีมจากลอนดอนเลย พวกเขาครองบอลและสร้างโอกาสได้เหนือกว่าตลอดทั้งเกม ก่อนจะมาได้ประตูนำ 2-0 ก่อนหมดครึ่งแรกสองนาที เมื่อ เอ็นโซ่ จ่ายทะลุช่องให้ มาดูเอเก้ หลุดเข้าไปยิงมุมแคบผ่านมือ ยาค็อบ รินเน่ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่นเข้าไปอย่างเฉียบขาด
มาเรสก้า เปลี่ยนผู้เล่นถึง 4 คนในช่วงพักครึ่ง รวมถึงการส่ง โคล พาลเมอร์ และ แจ็คสัน ลงมา และกองหน้าชาวเซเนกัลก็ใช้เวลาไม่นานในการทำประตูที่สามให้ทีม จากความผิดพลาดในการประสานงานกันของ ดาเนียลสัน และ รินเน่ ก่อนที่อีก 6 นาทีต่อมา แจ็คสัน จะมาบวกประตูที่สองของตัวเองด้วยการปั่นโค้งเสียบมุมบนอย่างสุดสวย ตอกย้ำความได้เปรียบของ เชลซี
แม้แฟนบอลเจ้าถิ่นจะได้เฮบ้างจากลูกโหม่งของ อเลมาเยฮู ในนาทีที่ 68 แต่ก็ดูเหมือนว่า เยอร์การ์เดนส์ ต้องการปาฏิหาริย์อย่างแท้จริงเพื่อหยุดยั้ง เชลซี ในการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่เมือง วรอตซวาฟ ในวันที่ 28 พฤษภาคม
สิงห์บลูส์ พิสูจน์ความเหนือชั้น
แม้จะเป็นเกมรอบรองชนะเลิศถ้วยยุโรป แต่ก็เห็นได้ชัดถึงความแตกต่างของระดับชั้น แม้ เยอร์การ์เดนส์ จะแสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่พาพวกเขามาถึงจุดนี้ได้ แต่ เชลซี ก็เหนือกว่าอย่างชัดเจน ทีมจากสวีเดนต้องลงเล่นถึง 16 นัดกว่าจะมาถึงรอบนี้ได้ (เริ่มตั้งแต่รอบคัดเลือกรอบสองเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว) ขณะที่มูลค่านักเตะของ เชลซี สูงกว่าถึง 44 เท่า (ตามข้อมูลจาก Transfermarkt)
ก่อนเกมนี้ “สิงห์บลูส์” ยังเป็นทีมนำในสถิติการยิงประตู (33), การครองบอล (62.9%), ความแม่นยำในการผ่านบอล (92.3%) และการยิงตรงกรอบ (87) ในรายการนี้อีกด้วย สุดท้ายแล้ว ทีมของ ยานี่ ฮอนคาวาร่า ที่ขาดผู้เล่นตัวหลักหลายคนและต้องใส่ชื่อดาวรุ่งถึง 5 คนบนม้านั่งสำรอง ก็ไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของทีมเยือนได้
มาเรสก้า สามารถเก็บเกี่ยวแง่บวกมากมายจากการเดินทางครั้งนี้ รวมถึงการกลับมายิงประตูได้อีกครั้งของ แจ็คสัน หลังจากที่ฟอร์มฝืดและเจอปัญหาบาดเจ็บรบกวน นอกจากนี้ ข่าวดีเพิ่มเติมคือผลการแข่งขัน พรีเมียร์ลีก ที่ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ พ่ายแพ้ต่อ เบรนท์ฟอร์ด ทำให้พวกเขายังรั้งอันดับ 6 ตามหลัง เชลซี ด้วยผลต่างประตูได้เสีย ถือเป็นค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมสำหรับทีมของ มาเรสก้า ในการลุ้นโควต้า แชมเปี้ยนส์ลีก