7msport

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูโรปาลีก ได้สำเร็จ หลังจากโชว์ฟอร์มสุดยอดในช่วงครึ่งแรก บุกไปถล่ม แอธเลติก บิลเบา ที่เหลือผู้เล่น 10 คน ถึงถิ่น ซาน มาเมส สเตเดี้ยม 3-0 กุมความได้เปรียบมหาศาลก่อนกลับไปเล่นนัดที่สองที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด

ท่ามกลางเสียงเชียร์อันดังกระหึ่มของแฟนบอลเจ้าถิ่น “ปีศาจแดง” เกือบจะโดนนำไปก่อนถึงสองครั้ง จากจังหวะที่ อินญากี้ วิลเลียมส์ โหม่งข้ามคานในตำแหน่งได้ลุ้น และลูกยิงของ อเล็กซ์ เบเรนเกร์ ที่ถูก วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ สกัดจากเส้นประตูได้อย่างหวุดหวิด

แต่แล้วเกมก็พลิกผันเข้าทางทีมเยือนอย่างสิ้นเชิงในนาทีที่ 30 เมื่อ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ โชว์ทักษะทางฝั่งขวาก่อนเปิดบอลเข้ามาให้เพื่อนโหม่งชงต่อถึง คาเซมิโร่ โขกเข้าไปตุงตาข่ายให้ ยูไนเต็ด ออกนำ 1-0

สถานการณ์ของทีมเยือนดียิ่งขึ้นไปอีกในอีก 7 นาทีต่อมา เมื่อ VAR เข้ามาตรวจสอบจังหวะที่ ราสมุส ฮอยลุนด์ ถูก ดานี่ บิเบียน ทำฟาวล์ในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษพร้อมควักใบแดงไล่ บิเบียน ออกจากสนามทันที และเป็น บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่รับหน้าที่สังหารเข้าไปอย่างเยือกเย็นท่ามกลางเสียงโห่ของแฟนบอลเจ้าถิ่น พา ยูไนเต็ด หนีห่างเป็น 2-0

ก่อนหมดครึ่งแรก ยูไนเต็ด ที่กำลังคึกคักก็มาได้ประตูที่สาม เมื่อ มานูเอล อูการ์เต้ ดีดส้นอย่างเหนือชั้นให้ บรูโน่ หลุดเข้าไปยิงไม่พลาด เป็นประตูที่สองของกัปตันทีมในเกมนี้

ครึ่งหลัง ทีมของ รูเบน อโมริม เกือบจะได้ประตูเพิ่มอีกหลายครั้ง โดยเฉพาะจาก คาเซมิโร่ ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจตลอดทั้งเกม แต่ลูกโหม่งจากลูกเตะมุมของเขาเฉี่ยวเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย

แม้จะพลาดประตูที่สี่ แต่สกอร์ 3-0 ก็ถือเป็นความได้เปรียบที่น่าจะมากเกินพอสำหรับ “ปีศาจแดง” ในการกลับไปเล่นในบ้านนัดที่สองวันพฤหัสบดีหน้า ขณะเดียวกัน ผลการแข่งขันที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เอาชนะ โบโด/กลิมท์ 3-1 ในรอบรองชนะเลิศอีกคู่ ก็ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่จะได้เห็นคู่ชิง ยูโรปาลีก เป็นทีมจากอังกฤษทั้งสองทีม

แฟร์นันด์ส แบกทีมอีกครั้ง

นี่คือผลการแข่งขันในฝันสำหรับ ยูไนเต็ด ที่ต้องการคว้าแชมป์เพื่อกอบกู้ฤดูกาลที่น่าผิดหวังในประเทศ พวกเขารั้งอันดับ 14 ใน พรีเมียร์ลีก ตามหลังท็อปไฟว์ถึง 21 คะแนน แต่โอกาสในการคว้าตั๋วไป แชมเปี้ยนส์ลีก ผ่านการเป็นแชมป์ ยูโรปาลีก ก็ดูสดใสมากขึ้นเรื่อยๆ หลังชัยชนะอันท่วมท้นที่ บิลเบา

ผลงานอันยอดเยี่ยมที่ ซาน มาเมส ซึ่งจะเป็นสังเวียนนัดชิงชนะเลิศในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ ยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับ ยูไนเต็ด หากพวกเขาสามารถปิดจ็อบในนัดที่สองได้สำเร็จ และก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะสงสัยว่าพวกเขาจะทำไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีผู้เล่นอย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ก้าวขึ้นมาแบกทีมในเวลาที่สำคัญที่สุด

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กองกลางทีมชาติโปรตุเกสช่วยทีมให้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก และครั้งนี้ก็เป็นความเยือกเย็นของเขาที่ทำให้ ยูไนเต็ด ควบคุมเกมไว้ได้ จุดโทษของเขาถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากพลาดอาจเป็นการปลุกใจนักเตะ บิลเบา และแฟนบอลเจ้าถิ่น แต่เขากลับยิงเข้าไปอย่างมั่นใจ ทำให้เจ้าบ้านเสียขวัญกำลังใจ ก่อนจะมาบวกประตูที่สองตอกย้ำชัยชนะก่อนหมดครึ่งแรก

ดูเหมือนว่า ยูโรปาลีก จะเป็นเวทีแจ้งเกิดของ บรูโน่ อย่างแท้จริง ด้วยผลงาน 7 ประตูในฤดูกาลนี้ ซึ่งมากที่สุดโดยผู้เล่น ยูไนเต็ด คนใดคนหนึ่งในรายการนี้ ขณะเดียวกัน มีเพียง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง (34) และ ราดาเมล ฟัลเกา (30) เท่านั้นที่ยิงประตูใน ยูโรปาลีก ได้มากกว่า บรูโน่ (27 – เท่ากับ โรเมลู ลูกากู)