7msport

4 นัดชี้ชะตา! ‘อโมริม’ เดิมพันอนาคตแมนยู: จากแดงเดือดสู่เส้นทางหนีฝันร้าย

ชัยชนะ 2-0 เหนือซันเดอร์แลนด์ก่อนพักเบรกทีมชาติ ควรจะเป็นดั่งสายลมแห่งความหวังที่พัดพาความเชื่อมั่นกลับสู่ถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่นั่นเป็นเพียงความสงบก่อนพายุลูกใหญ่จะมาถึง… เพราะ 4 เกมข้างหน้านี้ คือบทพิสูจน์ที่แท้จริงที่จะตัดสินว่าฤดูกาลของ รูเบน อโมริม และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะ “รุ่ง” หรือจะ “ร่วง”

ณ วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม 2025 แม้ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ จะออกมาให้การสนับสนุนอโมริมอย่างเต็มที่ โดยเปรียบเทียบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในยุคแรก แต่ในโลกของฟุตบอลสมัยใหม่ คำพูดเหล่านั้นจะไร้ความหมายทันทีหากผลงานในสนามไม่กระเตื้องขึ้นจากอันดับที่ 15 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

และ 4 เกมถัดจากนี้ คือบททดสอบที่โหดร้ายที่สุด เพราะมันคือการเผชิญหน้ากับ “ปีศาจในใจ” จากความทรงจำอันเลวร้ายในฤดูกาลที่ผ่านมา

19 ตุลาคม: ลิเวอร์พูล (เยือน) – บททดสอบแรกที่แอนฟิลด์ น่าแปลกที่เกมที่ดูเหมือนจะยากที่สุดบนหน้ากระดาษ กลับเป็นเกมเดียวใน 4 นัดนี้ที่ยูไนเต็ดสามารถเก็บแต้มได้ในฤดูกาลที่แล้ว (เสมอ 2-2) มันคือเกมที่พิสูจน์คำพูดของอโมริมที่ว่า “เมื่อเราสู้เพื่อทุกบอล… เราคือทีมที่ดี” แต่คำถามสำคัญที่แฟนบอลยังคงสงสัยก็คือ “แล้วเราจะรักษามันไว้ได้หรือไม่?”

25 ตุลาคม: ไบรท์ตัน (เหย้า) – ฝันร้ายในโรงละคร ไบรท์ตันกลายเป็นของแสลงสำหรับยูไนเต็ดไปแล้ว พวกเขาบุกมาชนะที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด 3 ฤดูกาลติดต่อกัน และความพ่ายแพ้ 1-3 ในครั้งล่าสุด คือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้อโมริมถึงกับต้องเอ่ยปากว่า “เราอาจจะเป็นทีมที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด”

1 พฤศจิกายน: น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (เยือน) – มีดที่ทิ่มแทงซ้ำแผลเก่า ความเจ็บปวดจากการพ่ายแพ้ 0-1 ในฤดูกาลที่แล้ว ถูกทวีคูณขึ้นไปอีกเมื่อประตูชัยนั้นมาจากปลายสตั๊ดของ แอนโธนี่ อีแลงก้า อดีตเด็กปั้นของสโมสร มันคือบทเรียนราคาแพงที่อโมริมยอมรับว่า “เราไม่สามารถเสียประตูแบบนี้ได้”

8 พฤศจิกายน: ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (เยือน) – คู่ปรับที่แพ้ทาง ฤดูกาลที่แล้ว ยูไนเต็ดพ่ายแพ้ให้กับสเปอร์สถึง 4 ครั้งในทุกรายการ ความพ่ายแพ้ 0-1 ในเกมลีกที่ลอนดอน คือหนึ่งในฟอร์มการเล่นที่น่าผิดหวังที่สุด จนแฟนบอลถึงกับวิจารณ์ว่า “ไร้วิสัยทัศน์, ไร้ความทะเยอทะยาน, ไร้ความพยายาม”

4 เกมข้างหน้านี้จึงเป็นมากกว่าแค่การแย่งชิง 12 คะแนน มันคือการต่อสู้กับอดีต, การพิสูจน์ถึงพัฒนาการ และคือบทตัดสินอนาคตของ รูเบน อโมริม ที่แม้แต่การสนับสนุนจากบอร์ดบริหารก็อาจไม่สามารถค้ำประกันได้ หากพวกเขายังคงไม่สามารถสลัด “ปีศาจ” ที่ตามหลอกหลอนพวกเขามาจากฤดูกาลที่แล้วได้สำเร็จ