จากจุดสูงสุด… สู่ความเป็นจริงอันท้าทาย ณ วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม 2025 ที่สนาม ฟิลลิป ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย เฟร์มิน อัลเดเกร์ ฮีโร่คนล่าสุดจากศึก Indonesian GP ต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบอันโหดร้าย เมื่อฟอร์มอันร้อนแรงของเขาต้องมาสะดุดลงอย่างน่าใจหายในการแข่งขันสปรินท์เรซ
แม้จะเริ่มต้นวันด้วยการฝ่าฟันจากรอบ Q1 มาสู่ Q2 และคว้ากริดสตาร์ทอันดับ 7 มาครองได้สำเร็จ แต่ในการแข่งขันจริง อัลเดเกร์กลับต้องดิ้นรนอย่างหนัก เขาไม่สามารถรักษาตำแหน่งของตัวเองไว้ได้ และสุดท้ายก็ต้องจบเรซไปก่อนเวลาอันควรด้วยอุบัติเหตุล้ม
“วันเสาร์ก็ไม่ได้แย่นัก เราผ่าน Q1 มาได้” อัลเดเกร์เริ่มต้นบทสัมภาษณ์ด้วยท่าทีที่ยังคงสงบนิ่ง “แน่นอนว่าเราน่าจะทำได้ดีกว่านี้ในรอบควอลิฟาย แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร”
แต่แล้วเขาก็ได้เผยถึงปัญหาใหญ่ที่รบกวนเขาตลอดการแข่งขันสปรินท์เรซ… ปัญหาที่เกิดขึ้นบนทางตรง
“ในเรซสปรินท์ ผมเจอปัญหามากกว่าเดิม” เขาสารภาพ “ทุกๆ รอบ จะมีคนแซงผมในทางตรง”
นี่คือคำพูดที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาว่าเขากำลังขับขี่รถ Ducati Desmosedici GP24 ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องพละกำลังบนทางตรง
“ในสนามส่วนอื่นๆ ผมยังพอป้องกันตัวเองได้ แต่ผมไม่มีอาวุธที่จะไปสู้กับพวกเขาในทางตรงเลย”
เขายังชี้ให้เห็นว่าปัญหานี้จะทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อต้องต่อสู้กันเป็นกลุ่ม “เมื่อผมต้องขี่อยู่ในกลุ่ม ปัญหามันยิ่งมากขึ้นไปอีก” และตอกย้ำความร้ายแรงของสถานการณ์ด้วยคำพูดที่น่าตกใจว่า “ความจริงคือ แม้แต่ โจอัน เมียร์ [นักบิด Honda] ยังบอกผมเลยว่ารถของผมวิ่งได้ช้ามาก”
สถานการณ์ของอัลเดเกร์เกิดขึ้นท่ามกลาง “วันที่เลวร้าย” ของ Ducati โดยรวม ซึ่งไม่มีนักบิดคนใดสามารถขึ้นโพเดี้ยมในสปรินท์เรซได้เลยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการแข่งขันรูปแบบนี้เกิดขึ้น และนักบิด Ducati ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดคือ ฟาบิโอ ดิ จิอันนันโตนิโอ ในอันดับ 5 ตามด้วย อเล็กซ์ มาร์เกซ อันดับ 6
อย่างไรก็ตาม อัลเดเกร์เชื่อมั่นว่าทีมงาน Ducati รู้ถึงต้นตอของปัญหาแล้ว “ปัญหาที่เราเจอ ผมจะแก้ไขมันได้เมื่อขี่คนเดียว แต่พออยู่ในกลุ่มทุกอย่างมันซับซ้อนขึ้น ที่ Ducati พวกเขารู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน และ จีจี้ [ดัลลินญ่า] ก็รู้ดี”
เขายังได้ปฏิเสธว่าปัญหาของเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิกฤตฟอร์มของ เป็คโก้ บันยาญ่า แต่อย่างใด “ปัญหาที่ผมเจอ มันไม่เหมือนกับที่เป็คโก้เจอ”
สำหรับเรซวันอาทิตย์ ซึ่งจะแข่งขันกันยาวกว่าเท่าตัว และคาดว่าจะใช้ยางหลังมีเดียม อัลเดเกร์ยังคงมีความหวัง “พรุ่งนี้เราต้องพยายามกอบกู้สถานการณ์ให้ได้ ศักยภาพมันมีอยู่ ทุกอย่างมันออกมาดี แต่วันนี้ผมไม่มีอาวุธที่จะสู้จริงๆ”
นี่คือบทเรียนครั้งสำคัญสำหรับ เฟร์มิน อัลเดเกร์ ชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์อาจทำให้เขากลายเป็นดาวเด่นชั่วข้ามคืน แต่การเผชิญหน้ากับความยากลำบากในครั้งนี้ คือบทพิสูจน์ที่แท้จริงว่าเขาจะสามารถเรียนรู้, ปรับตัว และกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิมได้หรือไม่