นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด กำลังเผชิญกับความท้าทายในการเจรจาซื้อนักเตะใหม่ เนื่องจากสโมสรคู่แข่งในพรีเมียร์ลีกได้ตั้งราคานักเตะสูงขึ้นอย่างมาก
ทั้งนี้เกิดจากการทราบว่านิวคาสเซิลมีเจ้าของเป็นกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะของซาอุดีอาระเบีย (PIF) ซึ่งมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง สถานการณ์นี้ถูกเรียกว่า “ภาษีซาอุดี” หรือ “Saudi tax” โดยสื่ออังกฤษ (telegraph.co.uk)
ตัวอย่างเช่น นิวคาสเซิลเคยพยายามคว้าตัว มาร์ค เกฮี กองหลังทีมชาติอังกฤษจากคริสตัล พาเลซ แต่ต้องล้มเลิกความตั้งใจเมื่อพาเลซตั้งค่าตัวไว้สูงถึง 70 ล้านปอนด์ ซึ่งนิวคาสเซิลมองว่าเกินความเหมาะสม
นอกจากนี้ นิวคาสเซิลยังต้องปฏิบัติตามกฎความสามารถในการทำกำไรและความยั่งยืน (PSR) ของพรีเมียร์ลีก ซึ่งจำกัดการใช้จ่ายของสโมสร แม้ว่าจะมีเจ้าของที่มีทรัพยากรมหาศาลก็ตาม
เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ สโมสรได้ปรับกลยุทธ์การเสริมทัพ โดยมุ่งเน้นการหานักเตะดาวรุ่งที่มีศักยภาพในการพัฒนาและมีมูลค่าเพิ่มในอนาคต แทนการทุ่มเงินซื้อนักเตะชื่อดังในราคาสูง
อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังของแฟนบอลที่ต้องการเห็นการลงทุนครั้งใหญ่หลังการเทคโอเวอร์ยังคงสูง ทำให้สโมสรต้องหาทางสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาทีมอย่างยั่งยืนและการตอบสนองต่อความต้องการของแฟนบอล