ผลเสมอ 1-1 ที่ เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม ส่งผลกระทบต่อความหวังในการลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรปของทั้ง ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
ยานคูบา มินเตห์ ปีกดาวรุ่งที่ ไบรท์ตัน จำใจขายให้ นิวคาสเซิ่ล เมื่อซัมเมอร์ที่แล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดกฎผลกำไรและความยั่งยืน (PSR) ของ พรีเมียร์ลีก กลายเป็นผู้ยิงประตูให้เจ้าบ้านออกนำไปก่อนในนาทีที่ 28
เกมทำท่าว่าจะเป็นใจให้ ไบรท์ตัน แต่แล้วในช่วงครึ่งหลัง เคร็ก พอว์สัน ผู้ตัดสินในสนาม ได้เป่าให้จุดโทษกับ นิวคาสเซิ่ล ถึงสองครั้ง แต่ทั้งสองครั้งก็ถูก แอนดรูว์ แมดลีย์ ผู้ตัดสิน VAR ปฏิเสธ ก่อนที่ “สาลิกาดง” จะมาได้จุดโทษจริงๆ ในช่วงสี่นาทีก่อนหมดเวลา และเป็น อเล็กซานเดอร์ อิซัค ที่สังหารเข้าไปไม่พลาด
สำหรับ นิวคาสเซิ่ล นี่คือการพลาดโอกาสทองในการขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 3 ของตาราง และด้วยโปรแกรมที่เหลือซึ่งต้องเจอกับ เชลซี และ อาร์เซน่อล ก่อนปิดท้ายด้วยการเปิดบ้านรับ เอฟเวอร์ตัน พวกเขายังคงต้องทำงานหนักหากหวังจะคว้าตั๋วไปเล่น แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้า
หากคว้าชัยชนะได้ ไบรท์ตัน จะขยับขึ้นไปอยู่อันดับ 8 แต่ผลเสมอนัดนี้ทำให้พวกเขารั้งอันดับ 10 แม้จะแซง ฟูแล่ม แต่ก็โดน เบรนท์ฟอร์ด แซงหน้าไป พวกเขาเคยเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ได้ถึงสองครั้งที่ ไทน์ไซด์ ในฤดูกาลนี้ (พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอ คัพ) แต่ถึงแม้จะเล่นเหมือนเป็นทีมเยือนเป็นส่วนใหญ่ในเกมนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถรักษาสกอร์นำไว้ได้
ประตูขึ้นนำของ ไบรท์ตัน เกิดขึ้นสวนทางกับรูปเกมเล็กน้อย เมื่อ มัตส์ วีฟเฟอร์ จ่ายบอลเร็วให้ มินเตห์ ได้บอลทางฝั่งขวาของเขตโทษ ก่อนที่ปีกชาวแกมเบียจะใช้ความแข็งแกร่งเอาชนะ ติโน่ ลิฟราเมนโต้ และ ซานโดร โตนาลี่ แล้วยิงผ่านมือ นิค โป๊ป เข้าไป อดีตกองหน้า นิวคาสเซิ่ล แสดงท่าทียั่วยุแฟนบอลทีมเยือนหลังประตู ด้วยการชี้ไปที่พื้นสนาม เอเม็กซ์ และพยายามจูบตราสโมสรบนเสื้อ ก่อนที่ ยาน พอล ฟาน เฮ็คเก้ จะเข้ามาดึงตัวออกไป
นิวคาสเซิ่ล ยังคงดูอันตรายในการขึ้นเกมทางฝั่งซ้าย และ ฟาเบียน เฮือร์เซเลอร์ เฮดโค้ช ไบรท์ตัน แก้เกมด้วยการส่ง ทาริค แลมพ์ตีย์ ลงมาเล่นแบ็กขวาแทน วีฟเฟอร์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นกองกลางที่ถูกจับไปเล่นผิดตำแหน่ง เอ็ดดี้ ฮาว ตอบโต้ด้วยการส่ง แอนโธนี่ กอร์ดอน ลงมา และทันใดนั้น แลมพ์ตีย์ ก็ไปทำฟาวล์ กอร์ดอน ขณะที่กำลังเลี้ยงผ่านเข้าเขตโทษ ผู้ตัดสิน เคร็ก พอว์สัน ชี้เป็นจุดโทษทันที แต่ VAR ชี้ว่าเป็นการฟาวล์นอกกรอบ
ฮาร์วีย์ บาร์นส์ ที่ขยับมาเล่นฝั่งขวา ได้ลองยิงด้วยซ้ายแต่ติดเซฟ บาร์ท แฟร์บรูกเก้น และในนาทีที่ 71 ผู้ตัดสิน พอว์สัน ก็ชี้เป็นจุดโทษอีกครั้ง เมื่อ ยาน พอล ฟาน เฮ็คเก้ เข้าปะทะกับ โจ วิลล็อค แต่ VAR ก็เข้ามาแทรกแซงอีกครั้ง ชี้ว่าไม่มีการสัมผัสตัว และ วิลล็อค โดนใบเหลืองข้อหาพุ่งล้มแทน
แต่แล้วในนาทีที่ 86 ยาซิน อายารี่ ตัวสำรอง ไปทำแฮนด์บอลจากลูกฟรีคิกของ ฟาเบียน แชร์ และคราวนี้ VAR ยืนยันเป็นจุดโทษ อเล็กซานเดอร์ อิซัค รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด