7msport

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก้าวเข้าใกล้การคว้าแชมป์ ยูโรปาลีก เข้าไปอีกขั้น หลังจากบุกไปเอาชนะ โบโด/กลิมท์ ทีมแกร่งจากนอร์เวย์ 2-0 ในเกมนัดที่สอง รอบรองชนะเลิศ การันตีการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 5-1 และเตรียมทำศึกสายเลือดอังกฤษกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ทีมของ อันเก้ ปอสเตโคกลู สามารถรับมือกับเกมเยือนที่ยากลำบากในนอร์เวย์ได้อย่างยอดเยี่ยม ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งที่ 6 ของสโมสร และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รอบชิง แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2019

โดมินิค โซลันกี้ และ เปโดร ปอร์โร่ มาทำคนละประตูในช่วงครึ่งหลัง ตอกย้ำชัยชนะให้กับ สเปอร์ส และยืนยันการเข้าไปชิงดำกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เมือง บิลเบา ในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้

ความแห้งแล้งในเรื่องถ้วยรางวัลของ สเปอร์ส ยืดเยื้อมาตั้งแต่แชมป์ ลีกคัพ ในปี 2008 และหากนับเฉพาะถ้วยยุโรป ต้องย้อนกลับไปถึงปี 1984 ที่พวกเขาคว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ

คำพูดอันท้าทายของ ปอสเตโคกลู เมื่อเดือนกันยายนที่ว่าเขามักจะคว้าแชมป์ได้ในปีที่สองกับสโมสร เคยถูกเยาะเย้ยอยู่บ้างในฤดูกาลนี้ เมื่อ ท็อตแน่ม รั้งอันดับ 16 ใน พรีเมียร์ลีก แต่ตอนนี้ พวกเขาอยู่ห่างจากการยุติความว่างเปล่าเพียงเกมเดียว และพิสูจน์คำพูดของกุนซือชาวออสเตรเลียให้เป็นจริง แม้จะมีฤดูกาลในประเทศที่ย่ำแย่ก็ตาม

พวกเขาทำสำเร็จได้โดยไม่มีผู้เล่นคนสำคัญอย่าง เจมส์ แมดดิสัน, ลูคัส เบิร์กวัลล์ และ ซน ฮึง-มิน ที่บาดเจ็บ ในเกมประวัติศาสตร์ของเจ้าบ้าน โบโด/กลิมท์ ซึ่งไม่เคยมาถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลยุโรปมาก่อน

ชัยชนะ 3-1 ในบ้านจากนัดแรก ทำให้ สเปอร์ส เล่นได้ง่ายขึ้น และพวกเขาก็จัดการกับเกมนัดที่สองได้อย่างเชี่ยวชาญ จำกัดโอกาสของ โบโด/กลิมท์ ที่เต็มไปด้วยพลังงานในสนามหญ้าเทียมได้เป็นอย่างดี เจ้าบ้านต้องการประตูเร็วเพื่อจุดประกายความหวัง แต่ก็ทำไม่ได้ โดย กูลเญลโม่ วิคาริโอ ป้องกันลูกฟรีคิกของ พาทริค แบร์ก ไว้ได้

ครึ่งแรกที่ค่อนข้างอึดอัดผ่านไป ก่อนที่ครึ่งหลัง สเปอร์ส จะควบคุมเกมได้มากขึ้น สยบความกลัวว่าพวกเขาอาจจะเล่นไม่ออกในสภาพอากาศหนาวเย็นแถบอาร์กติก เซอร์เคิล เดสตินี่ อูโดกี้ สกัดกั้น แคสเปอร์ ฮ็อก ได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนที่ โซลันกี้ จะมายิงประตูให้ สเปอร์ส นำห่างในนาทีที่ 63 จากจังหวะเข้าชาร์จจ่อๆ หลัง คริสเตียน โรเมโร่ โหม่งชงให้

อีก 6 นาทีต่อมา ลูกครอสของ ปอร์โร่ ก็ย้อยเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม ดับความหวังของ โบโด/กลิมท์ ลงสนิท แม้ว่าทีมจากนอร์เวย์จะมาได้จุดโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่ก็ถูก VAR ริบคืนไป

หากไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ท็อตแน่ม จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศรายการนี้เป็นครั้งที่สี่ ต่อจากปี 1972, 1974 และ 1984 (สมัยเป็น ยูฟ่า คัพ) โดยเคยคว้าแชมป์ได้ในปี 1972 และ 1984