7msport

“โอกาสคัมแบ็กพรีเมียร์ลีกน้อยลง” – แฮร์รี่ เคน เปิดใจอนาคต อาจไม่กลับมาทำลายสถิติเชียเรอร์

แฮร์รี่ เคน กัปตันทีมชาติอังกฤษและดาวยิงของ บาเยิร์น มิวนิค ได้ออกมาเปิดใจถึงอนาคตของตนเอง โดยยอมรับว่าโอกาสที่เขาจะกลับมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกอีกครั้งนั้น “มีน้อยลง” กว่าที่เคยคิดไว้ ซึ่งอาจหมายความว่าสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ อลัน เชียเรอร์ อาจจะไม่ถูกทำลายลงอย่างที่หลายคนคาดการณ์

“ความสุข” ที่เยอรมนี และอนาคตที่เปลี่ยนไป

เคน วัย 32 ปี ซึ่งเหลือสัญญากับ บาเยิร์น มิวนิค อีก 2 ปี และกำลังอยู่ในฟอร์มที่ร้อนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในอาชีพด้วยการยิงไปแล้ว 19 ประตูในฤดูกาลนี้ ได้ยอมรับว่าความสุขกับชีวิตในเยอรมนีอาจทำให้เขาตัดสินใจอยู่ค้าแข้งในบุนเดสลีกาต่อไปในระยะยาว

“ถ้าคุณถามผมตอนที่ผมเพิ่งย้ายไปบาเยิร์นใหม่ๆ ผมคงจะตอบว่าแน่นอน ผมจะกลับไป (พรีเมียร์ลีก)” เคนกล่าว “แต่ตอนนี้หลังจากที่ผมอยู่ที่นั่นมา 2-3 ปี ผมอาจจะพูดได้ว่าโอกาสนั้นมันน้อยลงไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่กลับไปเลย”

“ผมมีความสุขอย่างยิ่งที่นั่น ภรรยาและลูกๆ ของผมก็มีความสุขที่จะอยู่ที่นั่น และเมื่อคุณอายุมากขึ้น ปัจจัยนี้ก็เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจของคุณ”

บาเยิร์น มิวนิค เองก็มีท่าทีที่ชัดเจนว่าต้องการจะขยายสัญญาของเขาออกไป และเคนก็พร้อมที่จะเปิดโต๊ะเจรจา “ถ้ามีการพูดคุยเกิดขึ้น ผมก็พร้อมที่จะคุยและพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา ผมรักผู้จัดการทีมที่บาเยิร์น (แวงซองต์ กอมปานี) ผมคิดว่าเขายอดเยี่ยมมาก”

แชมป์แรกที่ไม่ได้ทำให้ “อิ่ม” แต่ยิ่งทำให้ “หิว”

การคว้าแชมป์บุนเดสลีกาเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเป็นถ้วยรางวัลใหญ่ใบแรกในอาชีพของเขา ไม่ได้ทำให้ความกระหายของเคนลดลงเลย ตรงกันข้าม มันกลับยิ่งทำให้เขามุ่งมั่นมากขึ้น

“มันคงง่ายที่จะปล่อยตัวปล่อยใจและผ่อนคลายลง แต่ผมกลับผลักดันตัวเองให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ทั้งการกินที่ดีขึ้น, การเข้ายิมมากขึ้น ผมพยายามจะเค้นทุกอย่างออกมาจากสิ่งที่ผมมีในตอนนี้”

การเป็น “นักเตะที่ดีขึ้น” และความสุขใหม่ในเกมรับ

เคนยังเชื่อว่าการย้ายไปเยอรมนีทำให้เขากลายเป็น “นักเตะที่ดีขึ้น” ไม่ใช่แค่ในแง่ของการทำประตู แต่ยังรวมถึงมิติอื่นๆ โดยเฉพาะเกมรับ “บางครั้งเวลาผมกลับไปดูเกมย้อนหลัง ผมกลับตั้งตารอดูจังหวะเข้าสกัดหรือการเล่นเกมรับของตัวเอง มากกว่าการดูประตูที่ผมยิงได้เสียอีก”

การเปลี่ยนใจของ แฮร์รี่ เคน ในครั้งนี้ ถือเป็นข่าวใหญ่ที่อาจทำให้แฟนบอลพรีเมียร์ลีกต้องผิดหวัง แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ได้แสดงให้เห็นถึงภาพของนักฟุตบอลที่เติบโตขึ้น ผู้ที่ค้นพบความสุขและความสมดุลในชีวิต ซึ่งอาจมีความสำคัญมากกว่าการทำลายสถิติใดๆ