ค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2025 แปรเปลี่ยนเป็นโศกนาฏกรรมและความโกลาหล เมื่อเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงปะทุขึ้นทั่วกรุงปารีส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย และบาดเจ็บอีก 192 คน ขณะที่เหตุการณ์วุ่นวายจากแฟนบอลก็เกิดขึ้นที่นครมิวนิค ประเทศเยอรมนี สถานที่จัดการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศเช่นกัน
ภายหลังจากที่ เปแอสเช สร้างประวัติศาสตร์คว้า “ถ้วยหูใหญ่” เป็นสมัยแรกด้วยการถล่ม อินเตอร์ มิลาน 5-0 แฟนบอลหลายพันคนได้ออกมารวมตัวกันเฉลิมฉลองทั่วกรุงปารีส ทั้งบริเวณหน้าสนาม ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ที่มีการถ่ายทอดสด และตามท้องถนนสายสำคัญ แต่ไม่นานบรรยากาศแห่งความสุขก็ถูกแทนที่ด้วยความรุนแรง กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล มีการใช้แก๊สน้ำตาและกระบองเพื่อควบคุมสถานการณ์ เกิดเหตุเผารถยนต์และทุบทำลายทรัพย์สินร้านค้าหลายแห่ง จนกระทั่ง บรูโน่ เรอไตโย รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศส ออกมาประณามเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “คนเถื่อนได้ออกมาอาละวาดบนท้องถนนปารีส”
เช้าวันอาทิตย์ (1 มิถุนายน 2568) มีรายงานผู้ถูกจับกุมแล้วอย่างน้อย 559 คน (491 คนในปารีส) และมีรายงานเหตุเพลิงไหม้ถึง 692 ครั้ง โดยเป็นการเผารถยนต์ถึง 264 คัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 22 นาย และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงอีก 7 นาย
สองชีวิตสังเวยความคลั่ง:
โศกนาฏกรรมที่น่าสลดใจคือการยืนยันผู้เสียชีวิต 2 ราย รายแรกเป็นหญิงสาววัย 20 ปีในกรุงปารีส ซึ่งถูกรถยนต์ชนขณะขี่สกู๊ตเตอร์ ส่วนอีกรายเป็นเด็กชายวัย 17 ปี ที่เมืองดักซ์ (Dax) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ซึ่งเสียชีวิตจากบาดแผลถูกแทงที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ระบุว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างการเฉลิมฉลองชัยชนะของเปแอสเช แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มแฟนบอลโดยตรงหรือไม่
ความวุ่นวายที่มิวนิค:
ก่อนหน้านั้นในช่วงเย็นวันเสาร์ที่มิวนิค ก็เกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างแฟนบอล อินเตอร์ มิลาน กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีรถไฟใต้ดิน Universität โดยมีรายงานว่าแฟนบอลบางส่วนได้ขว้างปาสิ่งของและใช้อาวุธดัดแปลงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ ซึ่งตอบโต้ด้วยสเปรย์พริกไทย หนังสือพิมพ์ “บิลด์” ของเยอรมนีรายงานเพิ่มเติมว่าแฟนบอลอินเตอร์ยังได้ขว้างปาก้อนหินที่สถานีรถไฟใต้ดิน Fröttmaning ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้กับสนามแข่งขันมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีคลิปวิดีโอในโซเชียลมีเดียที่แสดงให้เห็นการทะเลาะวิวาทระหว่างแฟนบอลทั้งสองทีมบนรถไฟ
เหตุการณ์ความวุ่นวายในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลสโมสรยุโรปไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยย้อนกลับไปในปี 2022 แฟนบอลลิเวอร์พูลเคยถูกฉีดแก๊สน้ำตานอกสนามสตาด เดอ ฟรองซ์ ก่อนเกมนัดชิงกับ เรอัล มาดริด และในปี 2023 แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ บางส่วนก็ต้องเดินเท้าเป็นระยะทางไกลเพื่อไปและกลับจากสนามแข่งขันที่อยู่นอกเมืองอิสตันบูลเนื่องจากปัญหาด้านการคมนาคม
โศกนาฏกรรมซ้ำที่เกรอน็อบล์:
นอกเหนือจากความรุนแรงในปารีสและมิวนิคแล้ว การเฉลิมฉลองทั่วฝรั่งเศสยังแปรเปลี่ยนเป็นโศกนาฏกรรมที่เมืองเกรอน็อบล์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ เมื่อรถยนต์คันหนึ่งได้ขับพุ่งเข้าใส่กลุ่มแฟนบอลเปแอสเช ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 รายจากครอบครัวเดียวกัน โดยมีอย่างน้อย 2 รายอาการสาหัส เด็กชายวัย 17 ปีมีอาการอยู่ในขั้นวิกฤต และผู้หญิงอีกสองคนวัย 23 และ 46 ปีได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ส่วนเด็กชายอีกคนวัย 17 ปีได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แหล่งข่าวตำรวจระบุว่าการสืบสวนเบื้องต้นชี้ว่าอุบัติเหตุดังกล่าวไม่น่าจะเกิดจากความตั้งใจ โดยคนขับสูญเสียการควบคุมรถขณะพยายามกลับรถ ก่อนจะหลบหนีจากที่เกิดเหตุด้วยความกลัวว่าจะถูกรุมประชาทัณฑ์ และได้เข้ามอบตัวกับตำรวจในเวลาต่อมา
เหตุการณ์ความรุนแรงและความสูญเสียที่เกิดขึ้นหลังชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง กลายเป็นเงาทะมึนที่บดบังความสำเร็จในสนาม และเป็นเครื่องเตือนใจถึงปัญหาความรุนแรงในวงการฟุตบอลที่ยังคงต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังต่อไป