7msport

แฟร้งค์ แลมพาร์ด หวังว่าเขาจะได้เป็นส่วนเล็กๆ ในประวัติศาสตร์ของ โคเวนทรี ซิตี้ หลังจากพาทีมสร้างผลงานสุดยอด ไต่อันดับจากโซนล่างของตาราง แชมเปี้ยนชิพ จนคว้าพื้นที่เพลย์ออฟได้สำเร็จ ด้วยชัยชนะเหนือ มิดเดิลสโบรช์ ในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล

แจ็ค รูโดนี่ เหมาคนเดียวสองประตู โดยโหม่งประตูแรกในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก ก่อนจะมายิงย้ำชัยจากระยะ 6 หลา ในนาทีที่ 87 ช่วยให้ โคเวนทรี ขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 5 พร้อมดับความหวังอันริบหรี่ในการลุ้นท็อปซิกซ์ของ “เดอะ โบโร่”

โคเวนทรี จะเข้าไปพบกับ ซันเดอร์แลนด์ ที่ฟอร์มกำลังแผ่ว ในรอบเพลย์ออฟ หลังจากที่ แลมพาร์ด เข้ามาพลิกสถานการณ์ของสโมสรได้อย่างน่าทึ่ง จากอันดับ 17 ตอนที่เขารับตำแหน่งที่ ซีบีเอส อารีน่า เมื่อเดือนพฤศจิกายน

แลมพาร์ด กล่าวว่า: “มันยอดเยี่ยมมากที่ได้เข้าเพลย์ออฟ ยังมีงานต้องทำต่อ แต่จากจุดที่เราเคยอยู่ มันเป็นการปิดท้ายช่วงเวลาที่ดีจริงๆ สำหรับเรา มีความกดดันอย่างมากต่อทีม และผู้เล่นก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม”

“ผมเคารพ โคเวนทรี เสมอมาเพราะประวัติศาสตร์และประเพณีของสโมสร ผมจำได้ว่าเคยดูนัดชิง เอฟเอ คัพ ปี 1987 แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่าเสียงเชียร์ของแฟนบอลที่นี่มันดังขนาดไหน – ถ้าผมได้เป็นส่วนเล็กๆ ในเรื่องนี้ ผมก็ยินดี”

“เรายังไปไม่ถึงจุดหมาย แต่การไต่อันดับจากที่ 17 มาที่ 5 มันต้องการให้ทุกคนร่วมมือกัน ความสามัคคีเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งเสมอ”

“ผมรัก แชมเปี้ยนชิพ มันเป็นความท้าทายที่แท้จริงในฐานะโค้ช การเข้าเพลย์ออฟถือเป็นความสำเร็จสำหรับเรา ณ จุดนี้ การเข้าเพลย์ออฟมันเทียบเท่ากับทุกสิ่งที่ผมเคยประสบความสำเร็จในอาชีพค้าแข้งหรือผู้จัดการทีมเลยทีเดียว”

ด้าน มิดเดิลสโบรช์ จำเป็นต้องชนะในนัดสุดท้ายเพื่อโอกาสลุ้นท็อปซิกซ์ แต่ทีมของ ไมเคิล คาร์ริค ก็ต้องพลาดหวังเป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม คาร์ริค หวังว่าลูกทีมจะใช้ความผิดหวังครั้งนี้เป็นบันไดสู่ความสำเร็จในอนาคต “มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเลย” เขากล่าว “มันน่าเจ็บปวดที่เห็นผู้เล่นเสียใจในห้องแต่งตัว เราทุกคนพยายามจะบรรลุเป้าหมาย เรารู้สึกว่าเราดีพอ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ผมภูมิใจในตัวพวกเขา แต่เราไม่ได้ในสิ่งที่เราต้องการ เราแค่หาจังหวะนั้นไม่เจอ เราต้องใช้มันเป็นก้าวสำคัญไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า”

เกมนี้ แลมพาร์ด ตัดสินใจส่ง เบน วิลสัน ลงเฝ้าเสาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม แทนที่ แบรดลีย์ คอลลินส์ ที่ฟอร์มไม่แน่นอน และ วิลสัน ก็ตอบแทนความไว้วางใจได้อย่างยอดเยี่ยม สี่นาทีก่อนพักครึ่ง เขาโชว์ซูเปอร์เซฟ ปัดลูกยิงไกล 20 หลาของ ฟินน์ อาซาซ ชนเสาออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ

โคเวนทรี ฉวยโอกาสจากจังหวะนั้นมาได้ประตูขึ้นนำในนาทีต่อมา เมื่อ ทัตสึฮิโระ ซากาโมโตะ เปิดบอลจากฝั่งขวาให้ รูโดนี่ โฉบเข้ามาโหม่งเสียบมุมเข้าไป

วิลสัน ยังโชว์เซฟสำคัญอีกครั้งในนาทีที่ 60 ป้องกันลูกยิงจ่อๆ 8 หลาของ ทอมมี่ คอนเวย์ ไว้ได้ ก่อนที่เขาจะมีส่วนกับโอกาสลุ้นประตูถัดมาของ โคเวนทรี เมื่อเปิดบอลยาวให้ แบรนดอน โธมัส-อาซานเต้ ตัวสำรอง ลากตัดเข้าในก่อนซัดไกล 25 หลาชนเสา! โธมัส-อาซานเต้ เกือบทำประตูได้อีกครั้ง แต่ ราฟ ฟาน เดน เบิร์ก สกัดไว้ได้บนเส้น

โบโร่ เกือบตีเสมอได้เช่นกันเมื่อ มอร์แกน วิตเทเกอร์ ปั่นโค้งหน้าเขตโทษไปชนเสา แต่สุดท้าย โคเวนทรี ก็มาได้ประตูย้ำชัยชนะและคว้าอันดับ 5 ในช่วงสามนาทีสุดท้าย เมื่อ โธมัส-อาซานเต้ ใช้ความแข็งแกร่งเอาชนะ เดล ฟราย ก่อนลากไปสุดเส้นหลังแล้วจ่ายให้ รูโดนี่ ยิงผ่านมือ มาร์ค ทราเวอร์ส เข้าไปง่ายๆ