อนาคตของ มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าความเร็วสูงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยมีรายงานว่าเจ้าตัวเชื่อว่าสโมสร “ปีศาจแดง” พร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอราว 40 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,800 ล้านบาท) จากทุกทีมที่สนใจคว้าตัวเขาไปร่วมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้ ไม่จำกัดเฉพาะ แอสตัน วิลล่า ที่เขาย้ายไปร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
แรชฟอร์ด วัย 27 ปี ย้ายไปเล่นให้ แอสตัน วิลล่า ด้วยสัญญายืมตัว ซึ่งมีออปชั่นซื้อขาดอยู่ที่ 40 ล้านปอนด์ อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขดังกล่าวไม่ได้ปิดกั้นสโมสรอื่นในการยื่นข้อเสนอซื้อตัวดาวยิงทีมชาติอังกฤษรายนี้ ซึ่งสัญญายืมตัวระยะสั้นของเขากับ “สิงห์ผงาด” จะหมดลงในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 นี้
Marcus Rashford believes Manchester United would be prepared to sell him for £40m to anyone this summer, not just Aston Villa pic.twitter.com/RkVYidpfzk
— BBC Sport (@BBCSport) May 15, 2025
สถานการณ์ของ แรชฟอร์ด กับ วิลล่า ยิ่งซับซ้อนขึ้น เมื่อ อูไน เอเมรี่ ผู้จัดการทีม ได้ออกมายืนยันแล้วว่า แรชฟอร์ด จะไม่ได้ลงสนามให้ทีมอีกแล้วในฤดูกาลนี้ เนื่องจากยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าที่ได้รับระหว่างการเตรียมตัวก่อนเกม เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่พ่ายให้กับ คริสตัล พาเลซ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และเขาจะหมดสิทธิ์ลงเล่นในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่ วิลล่า จะบุกไปเยือนต้นสังกัดแม่ของเขาอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ณ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ด้วย
แม้ว่า แรชฟอร์ด จะมีความสุขกับการทำงานภายใต้การคุมทีมของ เอเมรี่ และมีส่วนสำคัญช่วยให้ วิลล่า ทะลุถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก (ก่อนจะพ่ายให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง อย่างหวุดหวิด) แต่ก็ยังไม่มีการเจรจาเรื่องการย้ายทีมแบบถาวรเกิดขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งการที่ แอสตัน วิลล่า ยังคงมีลุ้นทำอันดับท็อปไฟว์ในพรีเมียร์ลีกเพื่อคว้าโควต้ากลับไปเล่น แชมเปียนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า อาจเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของสโมสร อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวใกล้ชิดกับ แรชฟอร์ด ยืนยันว่าเจ้าตัวไม่มีความตั้งใจที่จะลดค่าเหนื่อยจากที่รับอยู่ประมาณ 325,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (ประมาณ 14.6 ล้านบาท)
ทางฝั่ง แรชฟอร์ด เชื่อว่า รูเบน อโมริม กุนซือคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ต้องการให้เขากลับมาอยู่ในทีม ขณะที่ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ผู้ร่วมทุนรายใหม่ของสโมสร ก็เคยออกมาแสดงความไม่พอใจต่อนักเตะที่รับค่าเหนื่อยสูงแต่ไม่ได้ลงสนาม ซึ่งสถานการณ์นี้คล้ายคลึงกับกรณีของ เจดอน ซานโช่ เมื่อ 12 เดือนก่อน ที่มีปัญหากับ เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมในขณะนั้น จนต้องย้ายไป โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยสัญญายืมตัว ก่อนที่สุดท้ายจะย้ายไปร่วมทีม เชลซี (ยังไม่ชัดเจนว่า เชลซี จะจ่ายค่าธรรมเนียม 5 ล้านปอนด์เพื่อส่ง ซานโช่ กลับแมนฯ ยูไนเต็ด หรือจ่าย 20-25 ล้านปอนด์เพื่อซื้อขาด)
ตามรายงานล่าสุด แหล่งข่าวใกล้ชิดกับ แรชฟอร์ด คาดว่าเขาจะกลับมารายงานตัวฝึกซ้อมปรีซีซั่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเดือนกรกฎาคมนี้ โดย “ปีศาจแดง” มีโปรแกรมอุ่นเครื่องกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่สวีเดนในวันที่ 19 กรกฎาคม ก่อนจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ช่วงซัมเมอร์ของพรีเมียร์ลีกอีก 3 นัด และปิดท้ายการเตรียมทีมด้วยการพบกับ ฟิออเรนติน่า ซึ่งมีอดีตผู้รักษาประตูของยูไนเต็ดอย่าง ดาบิด เด เคอา อยู่ในทีม ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันที่ 9 สิงหาคม
อุปสรรคค่าเหนื่อยและอนาคตที่ไม่แน่นอน
ความเป็นจริงก็คือ หาก แรชฟอร์ด ยืนกรานเรื่องค่าเหนื่อยของเขา (ซึ่งสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีถึงปี 2028) จะมีสโมสรเพียงไม่กี่แห่งในโลกที่สามารถจ่ายได้ นั่นหมายความว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจต้องเสนอเงื่อนไขจูงใจในการเจรจาขาย เช่น การลดค่าตัว หรือการช่วยจ่ายค่าเหนื่อยบางส่วน หรือทั้งสองอย่าง โดยมีรายงานว่าในช่วงยืมตัว แอสตัน วิลล่า รับผิดชอบค่าเหนื่อยของ แรชฟอร์ด ราว 75% ถึง 90% ขึ้นอยู่กับผลงาน
มีรายงานว่า แอสตัน วิลล่า เคยปฏิเสธข้อเสนอ 60 ล้านปอนด์จาก อาร์เซนอล ที่ต้องการคว้าตัว ออลลี่ วัตกินส์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษของพวกเขาเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และหลังจากนั้น เอเมรี่ ก็เลือกที่จะส่ง แรชฟอร์ด ลงสนามก่อน วัตกินส์ ในเกมสำคัญๆ ของสโมสร
แรชฟอร์ด เคยหวังที่จะย้ายไปร่วมทีม บาร์เซโลน่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ดีลดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้น โดยในอุดมคติแล้ว เขาต้องการเล่นให้กับสโมสรที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน แชมเปียนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า ยังไม่ชัดเจนว่า ลิเวอร์พูล หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะให้ความสนใจหรือไม่ หรือแม้กระทั่งตัวนักเตะเองจะพร้อมที่จะย้ายไปร่วมทีมคู่ปรับสำคัญของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือเปล่า
นอกจากนี้ อนาคตของ แรชฟอร์ด กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก ในสัปดาห์หน้า (แมนฯ ยูไนเต็ด พบ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ วันที่ 21 พฤษภาคม 2568) และสถานะของกุนซือ รูเบน อโมริม ที่อาจจะถูกพิจารณาอย่างหนักหากผลงานไม่เป็นไปตามเป้า ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร การย้ายทีมแบบยืมตัวอีกครั้ง แทนที่จะเป็นการย้ายแบบถาวร ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถตัดออกไปได้ คล้ายกับกรณีของ เจา เฟลิกซ์ ที่เคยย้ายจาก เบนฟิก้า ไป แอตเลติโก มาดริด ด้วยค่าตัวมหาศาล แต่ก็ต้องระหกระเหินไปเล่นแบบยืมตัวกับ เชลซี และ บาร์เซโลน่า ก่อนจะย้ายไป เชลซี แบบถาวร และล่าสุดถูกปล่อยยืมไป เอซี มิลาน