7msport

แรชฟอร์ด ทิ้งบอมบ์! แฉแมนยู อยู่ในแดนสนธยา-ยุคเปลี่ยนผ่านที่แท้จริงยังไม่เริ่ม

มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าลูกหม้อของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ออกมาแสดงทรรศนะอย่างตรงไปตรงมาว่าสโมสรที่ปลุกปั้นเขามากำลังอยู่ใน “แดนสนธยา” (no man’s land) หลังจากความพยายามในการใช้ผู้จัดการทีมและกลยุทธ์ที่แตกต่างกันหลายรูปแบบได้ทิ้งให้สโมสรขาดทิศทางที่ชัดเจน

ดาวยิงวัย 27 ปี ซึ่งปัจจุบันย้ายไปเล่นให้บาร์เซโลน่าด้วยสัญญายืมตัว ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการพอดแคสต์ The Rest is Football ว่า สโมสรแม่ของเขาไม่สามารถคาดหวังที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ ตราบใดที่ทิศทางยังคงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และชี้ว่า “การเปลี่ยนผ่านที่แท้จริง (หลังยุคเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน) ยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้นเลยด้วยซ้ำ”

“ผลงานเราต่ำกว่ามาตรฐานที่ยูไนเต็ดควรจะเป็นมาตลอด แต่ถ้าคุณถอยออกมามองภาพรวม… คุณจะคาดหวังอะไรได้ล่ะ?” แรชฟอร์ดกล่าว “ทุกทีมที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน พวกเขาจะมีหลักการที่ชัดเจน ซึ่งไม่ว่าโค้ชคนไหนหรือผู้เล่นคนไหนเข้ามา ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับหลักการนั้น”

“แต่บางครั้งผมรู้สึกว่ายูไนเต็ดแค่กระหายในชัยชนะมากเกินไป เราจึงพยายามปรับตัวและเซ็นสัญญาผู้เล่นเพื่อให้เข้ากับระบบนั้นๆ อยู่เสมอ แต่มันเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ถ้าทิศทางของคุณเปลี่ยนไปตลอดเวลา คุณก็คาดหวังที่จะคว้าแชมป์ลีกไม่ได้หรอก”

แรชฟอร์ดได้ยกตัวอย่าง ลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาล เป็นกรณีศึกษาเปรียบเทียบ

“ผู้คนบอกว่าเราอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านกันมาหลายปี แต่การจะอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านได้ คุณต้องเริ่มต้นการเปลี่ยนผ่านเสียก่อน ซึ่งการเปลี่ยนผ่านที่แท้จริงมันยังไม่เริ่มเลย” เขาอธิบาย “ตอนที่ลิเวอร์พูลต้องผ่านช่วงเวลานี้ พวกเขาได้คล็อปป์เข้ามา และพวกเขาก็ยึดมั่นในตัวเขา พวกเขาไม่ได้ชนะในทันที ผู้คนจำได้แค่ช่วงไม่กี่ปีสุดท้ายที่เขาขับเคี่ยวกับซิตี้และคว้าแชมป์รายการใหญ่ๆ”

“นี่คือจุดที่ผมพูดถึงการมองตามความเป็นจริง ผมรู้สึกว่าเรามีผู้จัดการทีมที่แตกต่างกันมากเกินไป มีแนวคิดและกลยุทธ์ที่ต่างกันเพื่อชัยชนะมากเกินไป จนสุดท้ายคุณก็ติดอยู่ในแดนสนธยา”

นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อำลาทีมไปในปี 2013 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีผู้จัดการทีมมาแล้วถึง 10 คน (รวมรักษาการและชั่วคราว) แต่กลับคว้าแชมป์ใหญ่ได้เพียง 3 รายการ และจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกถึง 3 ครั้ง

คำวิจารณ์ของแรชฟอร์ดสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการคิดสั้นในระดับบริหารของสโมสร ซึ่งปรากฏผ่านสไตล์การทำทีมที่แตกต่างกันสุดขั้วของผู้จัดการทีมแต่ละคน ตั้งแต่ปรัชญาเน้นการครองบอลของ หลุยส์ ฟาน กัล, แนวทางเน้นผลการแข่งขันของ โชเซ่ มูรินโญ่ ไปจนถึงการเน้นเกมบุกที่รวดเร็วตามธรรมเนียมสโมสรของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และแม้แต่กุนซือคนปัจจุบันอย่าง รูเบน อโมริม ก็ยังต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากผลการแข่งขัน ซึ่งอาจบ่อนทำลายแผนการระยะยาวที่สโมสรกำลังพยายามสร้างขึ้นมาอีกครั้ง