7msport

แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เดิมพันสูง! กวาร์ดิโอล่า ปะทะ อโมริม ศึกแห่งศักดิ์ศรีในวันที่เมืองแมนเชสเตอร์ไม่เหมือนเดิม

แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ในวันอาทิตย์นี้ ไม่ได้เป็นเพียงการเผชิญหน้ากันของสองทีมคู่ปรับร่วมเมืองตามปกติ แต่มันคือ “ศึกแห่งศักดิ์ศรี” ที่มาพร้อมกับความกดดันมหาศาลสำหรับทั้งสองกุนซือ ในวันที่ทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ รูเบน อโมริม ต่างกำลังพาทีมของตนเองผ่านช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนและต้องการชัยชนะเพื่อเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของฤดูกาล

ครั้งหนึ่ง แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เคยถูกยกให้เป็นศูนย์กลางของจักรวาลฟุตบอล การต่อสู้ระหว่าง เป๊ป และ มูรินโญ่ หรือก่อนหน้านั้นคือยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปะทะ โรแบร์โต้ มันชินี่ ล้วนเต็มไปด้วยไฟสงครามทั้งในและนอกสนาม แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความเข้มข้นนั้นได้จางหายไป เมื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ฝ่ายเดียว ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงวนเวียนอยู่กับการเปลี่ยนผ่าน จนเกมดาร์บี้ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนที่จบลงด้วยผลเสมอ 0-0 ถูก แกรี่ เนวิลล์ วิจารณ์ว่าเป็นเหมือน “งานเลี้ยงอาหารค่ำ” ของนักเตะทั้งสองทีม

อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลนี้ สถานการณ์กลับพลิกผันไปอย่างน่าสนใจ แมนฯ ซิตี้ ของเป๊ปเริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างน่าผิดหวังที่สุดครั้งหนึ่งในยุคของเขา โดยแพ้ไปแล้ว 2 จาก 3 นัดแรก ซึ่งเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 1995/96 ที่สโมสรตกชั้น ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำของ อโมริม และยุคใหม่ของ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ก็ยังคงอยู่ในช่วงค้นหาตัวตน แม้จะทุ่มเงินมหาศาลในตลาดนักเตะ แต่ผลงานในสนามก็ยังไม่สม่ำเสมอ และความพ่ายแพ้สุดช็อคต่อ กริมสบี้ ทาวน์ ในคาราบาว คัพ ก็ยิ่งสร้างความกังขาให้กับแฟนบอล

สิ่งที่น่าสนใจคือ การเปลี่ยนแปลงทางแท็กติกของทั้งสองทีมอาจเป็นใจให้กับฝั่ง “ปีศาจแดง” ในเกมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคของอโมริมเล่นฟุตบอลในแนวทางที่ “ไดเร็กต์” มากขึ้น ใช้ความแข็งแกร่งและความเร็วของ ไบรอัน เอ็มเบวโม่ และ มาเธอุส คุนญา ในการโจมตีพื้นที่ว่าง ซึ่งเป็นแนวทางที่มักจะสร้างปัญหาให้กับ แมนฯ ซิตี้ ของเป๊ปเสมอมา ประกอบกับแดนกลางของ “เรือใบสีฟ้า” ที่ดูจะเปิดกว้างและถูกเจาะได้ง่ายกว่าในปีก่อนๆ ทำให้เกมสวนกลับของยูไนเต็ดอาจกลายเป็นอาวุธตัดสินเกมในครั้งนี้

ในทางกลับกัน เป๊ปเองก็ดูเหมือนจะมีการปรับเปลี่ยนปรัชญาของตนเอง การเซ็นสัญญาคว้าตัว จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูที่ไม่ได้ขึ้นชื่อเรื่องการใช้เท้า ยิ่งทำให้เกิดคำถามว่า “ซิตี้ 2.0” กำลังจะเดินไปในทิศทางใด

ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ชัยชนะในวันอาทิตย์นี้มีความหมายมากกว่าแค่ 3 คะแนน มันคือการสร้างโมเมนตัม คือการประกาศว่ายุคใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วสำหรับผู้ชนะ และอาจเป็นการตอกย้ำถึงวิกฤตที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นสำหรับผู้แพ้ เมืองแมนเชสเตอร์อาจไม่ใช่เมืองหลวงของฟุตบอลโลกเหมือนที่เคยเป็น แต่สำหรับสุดสัปดาห์นี้ ทุกสายตาจะจับจ้องมาที่นี่อีกครั้งอย่างแน่นอน