7msport

แมนฯ ยู มีลุ้นปิดดีลคว้าตัวหัวหอกดาวรุ่ง พร้อมส่วนลดถึง 16.9 ล้านปอนด์

Man Utd

จากการเคลื่อนไหวในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้ ดูเหมือนว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังทุ่มเททุกทางเพื่อคว้าศูนย์หน้าคนใหม่เข้ามาเสริมทัพ แต่ก็ยังไม่สามารถตกลงกับเป้าหมายหลักได้เสียที

ตั้งแต่ตลาดเปิด ทีมปีศาจแดงตกเป็นข่าวกับกองหน้าหลายราย แต่กระบวนการเจรจากลับไม่คืบหน้าตามที่คาดหวังไว้

และในขณะที่ฤดูกาลใหม่กำลังใกล้เข้ามาเต็มที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องรีบเดินเรื่องให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด

หนึ่งในกองหน้าที่ทีมให้ความสนใจอย่างจริงจังคือ เบนยาแม็ง เซชโก ดาวรุ่งพุ่งแรงของ แอร์เบ ไลป์ซิก

กองหน้าทีมชาติสโลวีเนียวัย 22 ปีรายนี้ โชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่นในเวที บุนเดิสลีกา และถูกนำไปเปรียบเทียบกับยอดศูนย์หน้าอย่าง เออร์ลิง ฮาแลนด์

ก่อนหน้านี้ตามรายงานของ คริสเตียน ฟาล์ค ระบุว่า ค่าตัวของ เซชโก อยู่ที่ราว 77.5 ล้านปอนด์ แต่ล่าสุดตัวเลขนั้นดูจะลดลงแล้ว

โดยแหล่งข่าวเดียวกันระบุว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจสามารถเซ็นสัญญาได้ในราคาเพียง 60.6 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นส่วนลดถึง 16.9 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

จากคำให้สัมภาษณ์ที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Caught Offside คริสเตียน ฟาล์ค กล่าวไว้ว่า:

“กองหน้ารายนี้เพิ่งจะอายุ 22 ปีเท่านั้น และยังถือว่าเด็กมาก หากมีข้อเสนอที่เหมาะสมเข้ามา ผมเชื่อว่า แอร์เบ ไลป์ซิก พร้อมเปิดการเจรจา หากค่าตัวใกล้เคียงกับ 70 ล้านยูโร (ประมาณ 60.6 ล้านปอนด์)”

ข่าวนี้นับเป็นแรงหนุนขนาดใหญ่สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะแม้ว่าจะมีกองหน้าดาวรุ่งมากมายในตลาดตอนนี้ แต่ เซชโก ถูกมองว่ามีศักยภาพสูงที่สุดรองจาก เออร์ลิง ฮาแลนด์

เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจไม่น้อยที่ยังไม่มีทีมใดคว้าตัวเขาไปในตลาดรอบนี้

นักข่าวยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ทาง แอร์เบ ไลป์ซิก เปิดไฟเขียวให้ขายนักเตะรายนี้ในช่วงซัมเมอร์ หากได้รับข้อเสนอที่เหมาะสม และนั่นหมายความว่า สิ่งเดียวที่เหลือคือการเจรจากับตัวนักเตะเองให้ลุล่วง

เซชโก นั้นถือเป็นนักเตะที่เหมาะสมกับสไตล์การทำทีมของ รูเบน อโมริม อย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม ปัญหาเดียวที่อาจเป็นอุปสรรคคือ ฤดูกาลนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่มีฟุตบอลยุโรปให้กับแข้งวัย 22 ปีรายนี้ได้ลงเล่น

แต่ถ้า ปีศาจแดง สามารถโน้มน้าวให้ เซชโก มองเห็นถึงโปรเจกต์ในระยะยาวของสโมสรได้ ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่การย้ายทีมครั้งนี้จะเกิดขึ้นจริง

รอดูกันต่อไปว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไรในช่วงท้ายของตลาดซื้อขายรอบนี้