อิกอร์ ทูดอร์ กุนซือของ ยูเวนตุส เตรียมรับศึกหนักในวันอังคารนี้ที่รัฐฟลอริดา เมื่อทีมของเขาต้องดวลกับ เรอัล มาดริด ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ที่จัดขึ้นในสหรัฐอเมริกา
แม้จะเป็นการเจอกันในช่วงกลางฤดูกาล แต่ศึกครั้งนี้ถือเป็นการปะทะกันของสองทีมยักษ์จากยุโรปที่มีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ และมีเส้นทางที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนในฤดูกาลนี้
ชาบี อลอนโซ่ เพิ่งเริ่มต้นภารกิจของเขาในตำแหน่งเฮดโค้ชของ ราชันชุดขาว หลังรับไม้ต่อจาก คาร์โล อันเชล็อตติ ตำนานกุนซือที่พา เรอัล มาดริด คว้าแชมป์มากมายตลอด 4 ปีที่ผ่านมา
ภายใต้การคุมทีมของ อลอนโซ่ แม้จะเพิ่งเข้ามารับงานได้ไม่นาน แต่ เรอัล มาดริด ก็ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่ง โดยผ่าน อัล ฮิลาล, ปาชูก้า และ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก มาได้แบบไม่ยากเย็นนักในรอบก่อนหน้า
ฝั่งของ ยูเวนตุส ก็ออกสตาร์ทได้ดีเช่นกันด้วยชัยชนะเหนือ อัล ไอน์ และ วีแดด เอซี ยิงได้ถึง 9 ประตูและเสียแค่ประตูเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เกมที่หนักที่สุดของพวกเขาเกิดขึ้นในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มเมื่อพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่ง ทูดอร์ เลือกพักผู้เล่นตัวหลักหลายราย และโดนลงโทษทันทีด้วยความพ่ายแพ้ 2-5 จนถูกวิจารณ์จากอดีตนักเตะอย่าง เฟลิเป้ เมโล่ ว่าเล่นเหมือนทีมเล็ก
การแพ้นัดนั้นทำให้ ยูเวนตุส จบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม และต้องพบกับของแข็งอย่าง เรอัล มาดริด ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะไปเจอกับ อัล ฮิลาล
ศึกแห่งอดีต…ในเวอร์ชันใหม่
สองทีมนี้เคยปะทะกันในเกมระดับทวีปยุโรปมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่มีเกมสุดคลาสสิกเกิดขึ้นมากมาย โดยครั้งสุดท้ายที่เจอกันในเกมทางการคือในรอบก่อนรองชนะเลิศของปี 2018
ตั้งแต่นั้นมา หลายอย่างก็เปลี่ยนไป ยูเวนตุส ไม่เคยทะลุถึงรอบรองฯ ของรายการนี้อีกเลย ขณะที่ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์เพิ่มอีกถึง 3 สมัย
ในแง่ของขุมกำลัง เรอัล มาดริด มีทีมที่ดูสมบูรณ์แบบที่สุดทีมหนึ่งในยุโรป ส่วน ยูเวนตุส กลับอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านที่ยังหาจุดลงตัวไม่ได้
ทูดอร์ ที่เข้ามาแทน ติอาโก้ ม็อตต้า พยายามเติมความดุดันและสปิริตให้กับทีม โดยอาศัยความรู้และประสบการณ์จากการเคยค้าแข้งกับ ยูเวนตุส เองในยุคปลาย 90s ถึงต้น 2000s แต่ก็ยังคงต้องใช้เวลาในการสร้างทีมใหม่
ฟ้ากับเหวแห่งการบริหาร
แม้จะเป็นอดีตมหาอำนาจร่วมกัน แต่รูปแบบการบริหารของทั้งสองสโมสรแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ยูเวนตุส อยู่ในช่วงที่ขาดความต่อเนื่องและมีขุมกำลังที่ไม่สมดุลนัก ระหว่างนักเตะดาวรุ่งกับการเสริมทัพที่ไม่น่าประทับใจ ขณะที่ เรอัล มาดริด ภายใต้การนำของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ปรับกลยุทธ์ใหม่จากการเน้นการตลาดในอดีต สู่การเสริมทัพแบบชาญฉลาดในยุคนี้ จนกลายเป็นโมเดลตัวอย่างให้กับหลายสโมสร
สหรัฐอเมริการับชมศึกยักษ์ชนยักษ์
แม้หลายฝ่ายจะมองว่า เรอัล มาดริด เหนือกว่าทุกด้าน แต่ ยูเวนตุส ยังคงมีดีอยู่ไม่น้อย หากสามารถเลือกจังหวะได้ดีและไม่กดดันตัวเองมากเกินไปก็อาจมีลุ้นพลิกล็อกได้
ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร เกมที่ ไมอามี ระหว่างสองยักษ์ยุโรปนี้ ย่อมเป็นเกมที่ทั่วโลกต้องจับตา โดยเฉพาะแฟนบอลใน สหรัฐอเมริกา ที่กำลังตื่นตัวกับฟุตบอลยุโรปมากขึ้นเรื่อยๆ