ณ สนาม เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการ MotoGP ได้ถูกเขียนขึ้นอย่างเป็นทางการ เมื่อ มาร์ค มาร์เกซ และ อเล็กซ์ มาร์เกซ สองพี่น้องนักบิดชาวสเปน ได้จารึกชื่อตัวเองในฐานะ พี่น้องคู่แรกในประวัติศาสตร์ 76 ปี ที่สามารถคว้าตำแหน่ง “แชมป์โลก” และ “รองแชมป์โลก” ในรุ่นพรีเมียร์คลาสได้สำเร็จในปีเดียวกัน!
นี่คือฤดูกาล 2025 ที่เป็นดั่ง “รถไฟเหาะ” ทางอารมณ์ของ อเล็กซ์ มาร์เกซ อย่างแท้จริง เขาเริ่มต้นฤดูกาลด้วยเป้าหมายในการพิสูจน์ตัวเอง และต้องเผชิญหน้ากับความกดดันมหาศาลในฐานะเพื่อนร่วมทีม (Gresini Racing) ของพี่ชายในปีก่อนหน้า และในฐานะคู่แข่งโดยตรง (เมื่อมาร์คย้ายไปทีมโรงงาน Ducati) ในปีนี้
ชัยชนะครั้งที่ 3 ในฤดูกาลนี้ของ อเล็กซ์ ที่ เซปัง ไม่เพียงแต่จะการันตีตำแหน่งรองแชมป์โลกให้กับเขา แต่มันคือ “บทพิสูจน์” ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของชายผู้ต้องต่อสู้กับ “คำสบประมาท” และการถูก “ประเมินค่าต่ำ” มาตลอดอาชีพค้าแข้ง เพียงเพราะเขาคือ “น้องชายของมาร์ค”
จุดเปลี่ยนที่สำคัญ: “คำแนะนำ” จากพี่ชาย ท่ามกลางการต่อสู้ที่เข้มข้น อเล็กซ์ยอมรับว่ามีช่วงเวลาที่เขา “หลงทาง” และแบกรับความกดดันมากเกินไป แต่ในช่วงเวลาที่ตึงเครียดที่สุดที่ประเทศญี่ปุ่น “คำแนะนำ” อันล้ำค่าก็มาจากพี่ชายของเขานั่นเอง
“เขอบอกผมที่ญี่ปุ่นว่า ‘นายกำลังมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมมาก อย่าไปกดดันตัวเอง แค่สนุกกับมัน'” อเล็กซ์เผย “คำพูดนั้นคือจุดเปลี่ยนที่ปลดล็อกจิตใจของผม”
“เราชนะไปด้วยกัน” ทันทีที่ อเล็กซ์ การันตีตำแหน่งรองแชมป์โลกได้สำเร็จ มาร์ค มาร์เกซ (แม้จะยังพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บที่อินโดนีเซีย) ก็ได้โพสต์ข้อความแสดงความยินดีผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวทันที มันเป็นข้อความที่สรุปความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ได้อย่างลึกซึ้งกินใจ: “เราเติบโตมาด้วยกัน, เราทำงานหนักมาด้วยกัน, เราเจ็บปวดมาด้วยกัน และในสายสัมพันธ์นี้… เราชนะไปด้วยกัน! พี่รักแกนะ น้องชาย”
ภาพที่ อเล็กซ์ ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาหลังการแข่งขัน คือบทสรุปของทุกสิ่ง: “มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฝันถึงโอกาสแบบนี้… การได้เป็นที่หนึ่งและที่สองบนจุดสูงสุดของโลก…” เขากล่าว “นี่คือบางสิ่งที่มหัศจรรย์อย่างยิ่ง ผมหวังว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะได้นั่งคุยกันบนโซฟา และพูดว่า ‘ใช่… พวกเราเคยไปถึงจุดสูงสุดของโลกมาแล้ว’”
นี่ไม่ใช่แค่ชัยชนะของ Ducati หรือ Gresini Racing แต่มันคือชัยชนะของ “ครอบครัว”, คือพลังแห่งสายเลือด และคือตำนานบทใหม่ที่สวยงามที่สุดของวงการมอเตอร์สปอร์ต