ฟรานเชสโก้ “เป็กโก้” บันยาญ่า ประกาศกร้าวว่าฤดูกาล 2025 สำหรับเขายังไม่จบสิ้น และได้ตั้งเป้าหมายใหม่ที่ชัดเจน นั่นคือการไล่ล่า อเล็กซ์ มาร์เกซ เพื่อทวงตำแหน่ง “รองแชมป์โลก” กลับคืนมาให้ได้ หลังจากที่เขาสามารถระเบิดฟอร์มเก่งกลับมาคว้าชัยชนะได้อย่างยิ่งใหญ่ในศึก เจแปนนีส กรังด์ปรีซ์
การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ที่โมเตกิ
นักบิดจากทีมโรงงาน Ducati โชว์ฟอร์มได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สนามโมเตกิเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการคว้า “ดับเบิ้ลแชมป์” ทั้งในสปรินท์เรซและเรซหลัก ซึ่งถือเป็นการกลับมาสู่ฟอร์มที่ดีที่สุดของเขาอีกครั้ง หลังจากต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการไม่มีคะแนนติดมือเลยที่มิซาโน่ หรือการควอลิฟายได้เพียงอันดับที่ 21 ที่บาร์เซโลน่า
ชัยชนะอันท่วมท้นที่ญี่ปุ่น ทำให้เขาสามารถลดช่องว่างคะแนนกับ อเล็กซ์ มาร์เกซ ที่จบในอันดับ 6 ลงมาได้ถึง 27 คะแนนในสุดสัปดาห์เดียว ทำให้ปัจจุบันช่องว่างระหว่างทั้งคู่เหลืออยู่ที่ 66 คะแนน กับการแข่งขันอีก 5 สนามที่เหลือ
“เป้าหมายคือการสู้กับอเล็กซ์”
“ตอนนี้ยังเป็นฤดูกาล 2025 ผมยังมีโอกาสที่จะจบในอันดับที่สองของแชมเปี้ยนชิพ” บันยาญ่ากล่าว “จริงอยู่ที่คะแนนห่างถึง 66 แต้มกับอีก 5 สนามที่เหลือ แต่เป้าหมายคือการทำให้เต็มที่ที่สุด ผมหวังว่าจะไปถึงอินโดนีเซียด้วยความรู้สึกแบบเดียวกับที่นี่ และพยายามต่อสู้กับอเล็กซ์ นี่คือเป้าหมายที่ถูกต้องในตอนนี้”
บันยาญ่ายังยอมรับว่าเขารู้สึก “โกรธ” ที่ไม่สามารถหาทางแก้ไขปัญหาของรถได้เร็วกว่านี้ เพราะเชื่อว่า “มันคงจะเป็นการลุ้นแชมป์ที่แตกต่างออกไป” หากเขากลับมาเข้าที่เข้าทางได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
เบื้องหลังการคืนฟอร์มและความหวังในช่วงท้ายฤดูกาล
แม้ Ducati จะไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่เป็นที่เข้าใจกันว่าการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดขึ้นในการทดสอบที่มิซาโน่ ซึ่งทีมได้นำชิ้นส่วนบางอย่างจากรถ GP24 รุ่นเก่ามาปรับใช้กับรถแข่งปี 2025 ของเขา ซึ่งดูเหมือนว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม
“ผมคิดว่าศักยภาพของผมคือแบบที่แสดงให้เห็นที่โมเตกิ คือการต่อสู้เพื่อชัยชนะและโพเดี้ยมในทุกสุดสัปดาห์ ไม่ใช่ฟอร์มที่ผมแสดงออกมาในสนามก่อนๆหน้านี้” เขากล่าว “ผมหวังว่าทุกอย่างจะยังคงทำงานได้ดีไปจนถึงบาเลนเซีย”
การประกาศท้าชิงครั้งนี้ของ เป็กโก้ บันยาญ่า ได้จุดประกายการต่อสู้ครั้งใหม่ที่น่าจับตามองในช่วงท้ายฤดูกาล 2025 ขึ้นมาทันที และทำให้การแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่ง “ที่สุดของส่วนที่เหลือ” (Best of the Rest) กลับมามีความหมายและน่าตื่นเต้นอีกครั้ง