เรามีคิวบุกไปเยือน จีเทค คอมมิวนิตี สเตเดียม ในกรุงลอนดอนตะวันตก เพื่อทำศึกพรีเมียร์ลีกนัดที่ 7 ของฤดูกาล โดยจะเริ่มฟาดแข้งเวลา 16:30 (สหราชอาณาจักร)
ทีมเก็บชัย 3 นัดและเสมอ 1 ทำให้มี 10 คะแนน ส่วนเจ้าถิ่น เบรนท์ฟอร์ด เก็บไปแล้ว 7 แต้ม
ด้วยข้อมูลเชิงลึกจาก Opta เรามาลองวิเคราะห์ความท้าทายจากทีมของ คีธ แอนดรูว์ส กัน
ฟอร์มล่าสุด
เบรนท์ฟอร์ด รั้งอันดับ 13 ในตาราง โดยพวกเขาคว้าชัยเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แอสตัน วิลลา รวมถึงเสมอกับ เชลซี
เกมที่แพ้มาจากการพบกับ นอตติงแฮม ฟอเรสต์, ซันเดอร์แลนด์ และ ฟูแล่ม
อย่างไรก็ตาม สถิติในบ้านถือว่าน่ากลัว เมื่อพวกเขาชนะ 4 จาก 6 เกมพรีเมียร์ลีกหลังสุด ยิงได้อย่างน้อย 2 ประตูถึง 5 นัด หลังจากก่อนหน้านี้ไม่ชนะใครถึง 8 เกมติดที่ จีเทค
ระบบการเล่น
ช่วงต้นฤดูกาล เบรนท์ฟอร์ด ใช้ทั้ง 5-3-2 และ 4-2-3-1 โดยนัดล่าสุดพวกเขาเลือกใช้แผงหลัง 4 คน กองกลางตัวรับ 2 และมี 3 ตัวรุกคอยสนับสนุนกองหน้าตัวเป้า
แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเกมนี้ แอนดรูว์ส จะเลือกเล่นแบบรุกเต็มตัวหรือถอยไปใช้ระบบ 5-3-2 ที่เน้นเกมรับมากกว่า
ความเคลื่อนไหวตลาดนักเตะ
ซัมเมอร์ที่ผ่านมา เบรนท์ฟอร์ด มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ เมื่อ โธมัส แฟรงค์ อำลาทีมไปคุม ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
บรรดาตัวหลักอย่าง บรีย็อง เอ็มเบอโม่, โยอัน วิสซ่า, กัปตันทีม คริสเตียน นอร์การ์ด และผู้รักษาประตู มาร์ค เฟล็คเคน ต่างย้ายออกไป ทำให้หลายคนคาดว่าพวกเขาจะลำบาก แต่จนถึงตอนนี้กลับทำผลงานได้เกินคาด
คีธ แอนดรูว์ส ที่เคยเป็นโค้ชลูกตั้งเตะในทีมเมื่อซีซันก่อน ถูกดันขึ้นมารับตำแหน่งกุนซือใหญ่ พร้อมได้แข้งใหม่อย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, นายด่าน ควีวิน เคลเลเฮอร์, ฟูลแบ็ก มีชาเอล คาโยเด้ และปีก ด็องโก วาตาร่า เข้ามาเสริมทัพ
ผู้จัดการทีม
แอนดรูว์ส เคยเป็นมิดฟิลด์สายพลัง ลงเล่นใน EFL และพรีเมียร์ลีกให้กับ วูลฟ์แฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส, แบล็กเบิร์น โรเวอส์, ไบรตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน และอีกหลายทีม
เขาติดทีมชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์ 35 นัด ก่อนแขวนสตั๊ดในปี 2015 จากนั้นทำงานโค้ชกับ เอ็มเค ดอนส์, ทีมชาติไอร์แลนด์ และช่วงหนึ่งกับ เชฟฟีลด์ ยูไนเต็ด
ปี 2024 เขาเข้ามาเป็นโค้ชลูกตั้งเตะของ เบรนท์ฟอร์ด และหลังจาก โธมัส แฟรงค์ ย้ายออกไป เขาก็ได้ขึ้นมานั่งเก้าอี้เฮดโค้ชเต็มตัว แม้ประสบการณ์จะยังห่างไกลจากกุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แต่เขาก็พร้อมพาทีมสู้เต็มที่
วิธีการทำประตู
เบรนท์ฟอร์ด ยิงประตูได้ติดต่อกัน 13 นัดในพรีเมียร์ลีก โดยทำไปแล้ว 9 ลูก ซึ่งถือเป็นสถิติอันดับ 6 ของลีก และมากกว่าค่าคาดหวัง (xG 8.0) เล็กน้อย
แม้มีพื้นฐานเป็นโค้ชลูกนิ่ง แต่ลูกทีมของ แอนดรูว์ส เพิ่งทำประตูจากลูกตั้งเตะได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น แต่คู่แข่งยังต้องระวังลูกทุ่มไกล, ลูกเตะมุม และฟรีคิกอยู่เสมอ
หัวหอกตัวอันตรายคือ อิกอร์ ติอาโก้ ที่ยิงไปแล้ว 4 ประตู รั้งอันดับ 2 ร่วมของลีก ขณะที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ นำเป็นดาวซัลโวที่ 8 ลูก
ทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (18.4%) และ เบรนท์ฟอร์ด (17.7%) มีอัตราการเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูสูงที่สุดในพรีเมียร์ลีก แม้ทีมของ แอนดรูว์ส จะมีจำนวนครั้งยิงน้อยที่สุดร่วมกับทีมอื่น (51 ครั้ง) แต่กลับเฉียบคมอย่างมาก
นอกจากนี้พวกเขายังขึ้นชื่อเรื่องเกมสวนกลับ โดยทำได้แล้ว 3 ประตูจากจังหวะสปีดบุกเร็ว รวมถึง 2 ลูกในเกมล่าสุดกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เกมรับ
เบรนท์ฟอร์ด ไม่สามารถเก็บคลีนชีตมาแล้ว 4 เกมติดต่อกัน ครั้งล่าสุดที่ทำได้คือนัดเจอ แอสตัน วิลลา
พวกเขาเสียไป 11 ประตูจาก 6 นัด ซึ่งอยู่อันดับ 16 ของลีก และโดนคู่แข่งยิงใส่ถึง 85 ครั้ง ถือว่าเป็นทีมที่เสียโอกาสให้คู่แข่งมากที่สุดเป็นอันดับสอง
ไม่ว่าจะจัดหลัง 4 หรือหลัง 5 จุดอ่อนนี้ยังเป็นสิ่งที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หวังใช้โจมตีในเกมวันอาทิตย์
สถิติพบกัน
นับตั้งแต่ เบรนท์ฟอร์ด เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ 5 จาก 8 เกมที่เจอกัน
เกมเยือน 4 นัดที่ จีเทค แพ้เพียงครั้งเดียว ซึ่งเกิดขึ้นในซีซัน 2022/23 หลังจากทีมคว้าแชมป์ไปแล้ว
น่าสนใจตรงที่ 6 ประตูที่ ซิตี้ ยิงได้ในสนามนี้ มาจากผลงานของ ฟิล โฟเดน ทั้งหมด