ในโลกของ MotoGP ที่ความเร็วคือพระเจ้า บางครั้ง “วุฒิภาวะ” ก็เป็นอาวุธที่น่ากลัวยิ่งกว่าเครื่องยนต์ และ เฟอร์มิน อัลเดเกร (Fermin Aldeguer) ได้พิสูจน์แล้วว่าเขามีสิ่งนั้นเต็มเปี่ยม
หลังจากระเบิดฟอร์มคว้าตำแหน่ง “Rookie of the Year 2025” พร้อมชัยชนะสุดตระการตาที่อินโดนีเซีย อัลเดเกรไม่ได้หยุดอยู่แค่ความดีใจ เขาข้ามขั้นจากการเป็น “ดาวรุ่ง” สู่การเป็น “ผู้ท้าชิง” ที่มองเกมขาดอย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะบทวิเคราะห์ที่มีต่อ เปคโก้ บัญญาญ่า
“เปคโก้” พ่ายแพ้ภัยตัวเอง?
เมื่อถูกถามถึงฟอร์มที่สะดุดลงของอดีตแชมป์โลกอย่าง เปคโก้ บัญญาญ่า ในฤดูกาลที่ผ่านมา อัลเดเกรวิเคราะห์ด้วยสายตาที่เฉียบคมเกินวัย:
“จนถึงจุดที่เขาเริ่มหลงทาง เขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมาก… แต่ผมเชื่อว่า เขาจัดการกับเกมจิตวิทยาได้ไม่ดีพอ ทั้งความสัมพันธ์กับรถและกับทีม เขาไม่สามารถรักษาระดับศักยภาพที่เขามีเอาไว้ได้ อดีตก็คืออดีตครับ การปรับตัวต่างหากคือกุญแจสำคัญ”
คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นว่า อัลเดเกรมองเห็น “ช่องโหว่” ที่ไม่ใช่เรื่องของเทคนิค แต่เป็นเรื่องของ “ใจ” ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเองกำลังโฟกัสเพื่อไม่ให้ซ้ำรอย
เป้าหมายที่ไกลกว่าชัยชนะ
แม้จะมีดีกรีเป็นแชมป์สนาม แต่เจ้าตัวยอมรับว่าการล้มยักษ์อย่าง มาร์ค มาร์เกซ ไม่ใช่เรื่องง่าย “การชนะ 1 สนามเป็นเรื่องยากมหาศาล แต่การยืนระยะเพื่อสู้กับมาร์คตลอดฤดูกาลนั้นคนละเรื่อง”
อัลเดเกรไม่ได้หมกมุ่นว่าจะต้องเอาชนะ อเล็กซ์ มาร์เกซ เพื่อนร่วมทีมให้ได้ทุกครั้ง แต่เขาใช้ผลงานของอเล็กซ์เป็นเกณฑ์วัดมาตรฐาน “ถ้าผมทำได้ดีกว่าอเล็กซ์ แปลว่าผมกำลังสู้เพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เพราะเขาคือคนที่มีลุ้นท็อป 3”
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือเป้าหมายส่วนตัวของเขา: “การได้ Pole Position อาจจะทำให้ผมมีความสุขยิ่งกว่าชัยชนะเสียอีก” เหตุผลนั้นเรียบง่ายแต่ทรงพลัง เพราะปัญหาหลักของเขาคือการออกสตาร์ทจากท้ายแถว (เขาเป็นนักบิดที่แซงคู่แข่งได้มากที่สุดในปีนี้ เพราะต้องสตาร์ทจากที่ 18 หรือ 15 ประจำ) การแก้จุดอ่อนเรื่องรอบคัดเลือก จึงเป็นภารกิจหลักเพื่อชีวิตที่ง่ายขึ้นในวันแข่งจริง
เดิมพันอนาคตกับ “รถสีแดง”
สายตาของอัลเดเกรมองข้ามช็อตไปถึงปี 2027 ซึ่งจะเป็นยุคของเครื่องยนต์ 850cc “ผมไม่ได้แค่ต้องการอยู่ทีมโรงงานเพื่อความเท่ แต่ผมต้องการรถ GP27 และการสนับสนุนจากผู้ผลิตโดยตรง ซึ่งจะเป็นตัวชี้ขาดในปีที่มีการเปลี่ยนแปลง”
แม้คู่แข่งอย่าง Aprilia จะมาแรง หรือกฎกติกาจะเปลี่ยนไป แต่สำหรับอัลเดเกร Ducati ยังคงเป็นศาสดา และ “รถสีแดง” ยังคงเป็นเป้าหมายสูงสุดที่เขาพร้อมจะแลกด้วยทุกอย่าง
ใน MotoGP ยุคปัจจุบัน ความใจร้อนมักทำลายอาชีพนักแข่ง แต่สำหรับ เฟอร์มิน อัลเดเกร ความใจเย็นและความคิดที่สุขุมลุ่มลึกนี้เอง อาจเป็นอาวุธที่อันตรายที่สุดที่คู่แข่งต้องระวัง
