ลิเวอร์พูลกำลังจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการทุ่มเงินมหาศาลถึง 116 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัว “ฟลอเรียน เวียร์ทซ” เพชรเม็ดงามจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ซึ่งเป็นดีลที่ทำให้เกิดการเปรียบเทียบกับ “ไค ฮาแวร์ตซ์” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญว่าเขาจะสามารถทำลายอาถรรพ์ของแข้งเยอรมันชื่อดังในพรีเมียร์ลีกได้หรือไม่
ภาพของ “ดาวรุ่งเยอรมันฟอร์มแรง ย้ายจากเลเวอร์คูเซ่นสู่ทีมดังในอังกฤษด้วยค่าตัวสถิติ” ทำให้หลายคนนึกย้อนไปถึงตอนที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ ย้ายไปเชลซีในปี 2020 แต่สำหรับดีลของ เวียร์ทซ นั้นมีรายละเอียดที่แตกต่างออกไป แม้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะให้ความสนใจ แต่มีรายงานว่าดาวเตะวัย 22 ปีรายนี้ตกหลุมรักลิเวอร์พูลอย่างรวดเร็ว จนทำให้ บาเยิร์น มิวนิค และ เรอัล มาดริด ต้องถอยทัพไปในที่สุด
แม้ดีลนี้จะมีความคล้ายคลึงกับของฮาแวร์ตซ์ในแง่ของการเป็นนักเตะเยอรมันค่าตัวแพงที่สุดที่ย้ายออกจากบุนเดสลีกา แต่ลิเวอร์พูลหวังว่าความคล้ายคลึงนั้นจะจบลงแค่นั้น เพราะช่วงเวลาของฮาแวร์ตซ์กับเชลซี (นอกเหนือจากประตูชัยในนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีก 2021) ก็ไม่ได้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวัง
เวียร์ทซ จะทำลายอาถรรพ์ได้หรือไม่?
พรีเมียร์ลีกเคยเป็นสุสานของแข้งเยอรมันพรสวรรค์สูงมาแล้วหลายราย ไม่ว่าจะเป็น ติโม แวร์เนอร์ ที่ดับสนิทกับเชลซี, ลีรอย ซาเน่ ที่ฟอร์มไม่สม่ำเสมอกับแมนฯ ซิตี้ หรือ มักซ์ เมเยอร์ ที่เคยถูกยกย่องว่าจะเป็นอนาคตของทีมชาติ แต่กลับหายไปจากสารบบหลังย้ายมาคริสตัล พาเลซ
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ติดตามผลงานของเวียร์ทซอย่างใกล้ชิดกลับเชื่อมั่นว่าเขาจะแตกต่างออกไป “หนึ่งในเหตุผลที่ผมมั่นใจว่าเขาจะประสบความสำเร็จกับลิเวอร์พูลคือ เขาสามารถดูแลตัวเองได้” ดีทมาร์ ฮามันน์ อดีตกองกลางของลิเวอร์พูลกล่าว “เขาเหมือนเด็กข้างถนน เขาจะไม่กลัวการเข้าปะทะ และจะไม่กังวลกับความแข็งแกร่งของพรีเมียร์ลีกเลย”
ฮามันน์ยังเสริมอีกว่า “เขาคือผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่เรามีในเยอรมนี เขาทำให้ผู้เล่นรอบข้างดีขึ้น ผมไม่กังวลเกี่ยวกับตัวเขาเลย ส่วนหนึ่งเพราะเขามาจากทีมที่คว้าแชมป์ใหญ่มาแล้ว ซึ่งแตกต่างจากตอนที่ ฮาแวร์ตซ์, ซาเน่ และแวร์เนอร์ย้ายมา”
ลิเวอร์พูลมองว่า เวียร์ทซ คือการลงทุนที่จะเข้ามาพลิกโฉมทีมได้เหมือนที่ อลีสซง เบ็คเกอร์ และ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เคยทำสำเร็จ และหวังว่าเขาจะไม่กลายเป็นการซื้อตัวที่ผิดพลาดเหมือนในรายของ ดาร์วิน นูนเญซ
บทพิสูจน์ครั้งสำคัญของเพชรเม็ดงามจากเยอรมนีรายนี้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นที่แอนฟิลด์ และแฟนบอล “หงส์แดง” ทั่วโลกต่างก็หวังว่าเขาจะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่จะพาทีมกลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง